ศรีธนญชัย-ทะแนะ
แก้ปมพ.ร.บ.งบ 'อัปยศ'
งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ที่เกิดความล่าช้าจากกรณีที่ “ส.ส.ผู้ไร้เกียรติ” จากพรรคภูมิใจไทย 2 คน คือ “ฉลอง เทอดวีระพงศ์-นาที รัชกิจประการ” ไม่อยู่ในห้องประชุมรัฐสภา แต่กลับมี “มือดี”โหวตลงมติผ่านรายมาตรา จนกลายเป็นรอยด่างครั้งสำคัญของกฎหมายสำคัญของประเทศ
จนต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าจะมีผลอย่างไร จากการกระทำผิดโดยการเสียบบัตรและลงมติแทนกัน...ต้องลุ้นกันระทึกว่า “โมฆะ ไม่โมฆะ”
นังบ่าง นังชะนี อีเห็น ผู้ชํ่าชองในป่ารกชัฏบอกว่า ความมักง่ายของ ส.ส.ผู้ไร้เกียรติ ครั้งนี้ อาจจะเป็นผลให้ร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 น่าจะต้องตกไปทั้งฉบับ
ขณะที่ทะแนะของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกมาชี้ทางออกว่า ลงมติในมาตราใดก็หักออกไปในมาตราที่มีการลงมติแทนกันเท่านั้นพอ
พรานฯขอบอกว่า เรื่องนี้ใหญ่มากมิใช่แค่กฎหมายจะผ่านไม่ผ่าน แต่หมายถึงบรรทัดฐานประเทศ บรรทัดฐานรัฐสภาไทย
ขืนตีความแบบศรีธนญชัยเช่นนี้ รัฐบาลลุงตู่อยู่ยากแน่ มวลชนที่เคยเป็นผนังทองแดงกำแพงหลักจะหดหาย ความเอือมระอาหน้าด้าน จะจุดติดเป็นไฟในนาครเชียวแหละ!
พรานฯท่องไปในสภา 500 จำพวกบวกหนึ่งที่อื้ออึงไปด้วยผลประโยชน์ของชาติพบว่า ถ้าทำให้การโหวตงบประมาณโดยที่ส.ส.ผู้ลงมติไม่อยู่ก็ให้หักตามรายมาตราออกไป จะมีปัญหาตามมาในทางปฏิบัติอีกมาก
เอาทีละข้อนะ ข้อแรกคือ พ.ร.บ.งบประมาณ ปี 2563 ได้ผ่านกระบวนการตามมาตรา 143 และมาตรา 144 ที่มีการแปรญัตติไปแล้วใช่หรือไม่
หากยึดว่า การที่งบได้พิจารณาเสร็จภายใน 105 วันแล้ว หากมีปัญหาให้รัฐบาลนำไปใช้ได้เลยก็มีปัญหาอีก
เพราะในการลงมติของพ.ร.บ.งบประมาณแต่ละมาตรานั้น ผูกกันหมด มิใช่เพียงแต่ลงมติรายมาตรา หรือมาตราใดมาตราหนึ่งเท่านั้น
ทุกมาตราในร่างงบประมาณรายจ่ายมีความสัมพันธ์ต่อกัน เมื่อมีการปรับลดยอดเงินที่ตั้งไว้จากการแปรญัตติ ก็มีการอนุมัตินำไปจัดสรรให้ส่วนราชการต่างๆ หรือนำไปเพิ่มงบกลางที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี
แล้วคงยอดทั้งหมดไว้เป็นจำนวนเงินเท่าเดิมที่รัฐสภาได้มีมติรับหลักการไว้ในวาระที่หนึ่ง
คำถามที่ทะแนะ ศรีธนญชัยทางกฎหมายต้องอธิบายคือ วงเงินที่ปรับลด เพิ่มเติม เปลี่ยนแปลงจากการแปรญัตติของคณะกรรมาธิการวิสามัญผูกมัดไว้กับการลงมติหรือไม่
ถ้าผูกพันกัน การลงมติของส.ส.โดยที่ตัวเองไม่อยู่ก็มิชอบนะขอรับ มิใช่ว่าใครจะทำให้ชอบได้
รอยด่างจากการยอมให้ใครบางคนเสียบบัตรลงมติแทนกันของ ส.ส.จึงน่าจะเป็นผลให้ร่างงบประมาณปี 2563 ตกไปทั้งฉบับ
และอาจจะเป็นประวัติศาสตร์ครั้งแรกของประเทศไทยในยุครัฐบาลลุงตู่นี่แหละ ที่ต้องนำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2562 ทั้งฉบับ มาใช้แทนงบประมาณปี 2563 ไปพลางก่อนตามรัฐธรรมนูญมาตรา 141 วรรคหนึ่งที่บัญญัติไว้ว่า
“ให้ใช้กฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่ายในปีงบประมาณปีก่อนไปพลางก่อน”
มาดูกันว่าศรีธนญชัยจะทำอย่างไร
อ้อ เพื่อให้ทุกท่านตาแจ้ง ก่อนที่จะอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์ที่อัปยศ พรานฯขอให้อ่านกฎหมายในมาตรา 143 ดูนะขอรับ
ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม และร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย สภาผู้แทนราษฎรจะต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งร้อยห้าวันนับแต่วันที่ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมาถึงสภาผู้แทนราษฎร
ถ้าสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาร่างพระราชบัญญัตินั้นไม่แล้วเสร็จภายในกำหนดเวลาตามวรรคหนึ่ง ให้ถือว่าสภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบกับร่างพระราชบัญญัตินั้น และให้เสนอร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวต่อวุฒิสภาเพื่อพิจารณา
ในการพิจารณาของวุฒิสภา วุฒิสภาจะต้องให้ความเห็นชอบหรือไม่ให้ความเห็นชอบภายในยี่สิบวันนับแต่วันที่ร่างพระราชบัญญัตินั้นมาถึงวุฒิสภา โดยจะแก้ไขเพิ่มเติมใดๆ มิได้ ถ้าพ้นกำหนดเวลาดังกล่าว ให้ถือว่าวุฒิสภาเห็นชอบกับร่างพระราชบัญญัตินั้นในกรณีเช่นนี้ และในกรณีที่วุฒิสภาให้ความเห็นชอบ ให้ดำเนินการต่อไปตามมาตรา 81
ถ้าวุฒิสภาไม่เห็นชอบด้วยกับร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ให้นำความในมาตรา 138 วรรคสอง มาใช้บังคับโดยอนุโลม โดยให้สภาผู้แทนราษฎรยกขึ้นพิจารณาใหม่ได้ทันที
ระยะเวลาตามวรรคหนึ่งและวรรคสาม มิให้นับรวมระยะเวลาที่ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา
ตาแจ้งมั้ยนังบ่าง ช่างยุ