เอกชนร้องคนกลุ่มเดียวทำศก.พัง ไตรมาสแรกจ่อไอซียู

23 ม.ค. 2563 | 05:28 น.

 

 

กรณีส.ส.พรรคภูมิใจไทย เสียบบัตรแทนกัน ในระหว่างประชุมร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯปี2563 กลายเป็นประเด็นที่จะส่งผลให้ร่างพ.ร.บ.งบประมาณ พ.ศ.2563 กลาย เป็นโมฆะได้หรือไม่  ยังเป็นคำถาม ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย  แต่ที่แน่ๆ ทำเอาบรรดาบิ๊กธุรกิจตั้งแต่รายเล็กไปถึงรายใหญ่ออกอาการนั่งไม่ติดกันเป็นแถว เพราะต่างรู้ชะตากรรมว่า ภาพรวมเศรษฐกิจกำลังจะเปลี่ยนสถานะจากที่ปี 2562 อยู่ในสภาพหยอดน้ำเกลือ  จนไปสู่ไตรมาสแรกปี 2563  ที่เศรษฐกิจกำลังเดินไปสู่ห้องไอซียู หากงบประมาณปี2563 ล่าช้าต่อไปอีก 

 

ปัญหาเก่ายังไม่จบเรื่องใหม่จ่อคอหอย

ผสมโรงกับปัญหาเก่าที่ยังคุกรุ่นทั้งผลจากสงครามการค้าและปัญหาเศรษฐกิจโลก  รวมถึงผลกระทบค่าเงินบาท ส่งผลดัชนีความเชื่อมั่นฯ ปรับตัวลดลง  อีกทั้งปัญหาภัยแล้งที่จะเป็นโจทย์ใหญ่รอคิวทุบภาคการผลิตซ้ำ 

 

เห็นได้ชัดเจนจากที่ล่าสุดนายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจ ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนธันวาคม 2562 อยู่ที่ระดับ 91.7 ปรับตัวลดลงจากระดับ 92.3      ในเดือนพฤศจิกายน 2562 เนื่องจากมีปัจจัยเสี่ยงจากความกังวลต่อกำลังซื้อภายในประเทศ ปัญหาภัยแล้งที่มีความรุนแรงทำให้กระทบต่อผลผลิตและรายได้ของภาคเกษตร

 

ผลกระทบที่เกิดขึ้นสะท้อนจากคำสั่งซื้อและยอดขายของสินค้าที่ลดลงทั้งจากสินค้าคงทนและไม่คงทน ขณะเดียวกันผู้ประกอบการส่งออกก็ยังคงได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาทที่ยังแข็งค่าต่อเนื่อง ตลอดจนความผันผวนของเศรษฐกิจโลกซึ่งส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของไทยอีกเช่นกัน

 

-สำรวจ 70% ยังกังวลศก.โลก

นอกจากนี้จากการสำรวจผู้ประกอบการ 1,207 ราย ครอบคลุม 45 กลุ่มอุตสาหกรรมทั่วประเทศในเดือนธันวาคม 2562 พบว่าผู้ประกอบการ 70.1 % ยังคงกังวลปัญหาสภาวะเศรษฐกิจโลก,  61.2% กังวลอัตราแลกเปลี่ยน (บาทต่อดอลลาร์) ในมุมมองผู้ส่งออก และ 43.2% กังวลการเมืองภายในประเทศ ส่วนปัจจัยที่ส่งผลให้ผู้ประกอบการมีความกังวลลดลง ได้แก่ ราคาน้ำมันและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 39.6 และ 20.6 ตามลำดับ   ส่วนข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเสนอให้ภาครัฐปรับปรุงระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างให้มีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น และขอให้ภาครัฐหามาตรการแก้ไขปัญหาภัยแล้งอย่างเร่งด่วน

ด้านนายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์กรนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย กล่าวกับ "ฐานเศรษฐกิจ” ว่า  การเมืองควรต้องเล่นตามกติกา  งบประมาณเป็นเส้นเลือดใหญ่หล่อเลี้ยงเศรษฐกิจ และเป็นเส้นเลือดที่วิ่งไปทุกจุดของประเทศตั้งแต่เมืองใหญ่ไปยังจังหวัด ตำบล อำเภอ หมู่บ้านตามชนบท  ความจริงงบประมาณต้องลงระบบตั้งแต่เดือนตุลาคม 2562  ล่าช้ามา 4-5 เดือนแล้ว และส่งผลเสียต่อภาพรวมเศรษฐกิจค่อนข้างมาก ใช้จ่ายได้เฉพาะงบประจำปีหรือเงินเดือนที่พยุงเศรษฐกิจไว้  แต่งบลงทุนที่จะไปต่อเติม ก่อสร้าง อาคาร หรืองบช่วยภัยแล้งก็ลงมาไม่ได้ ที่ผ่านมาเศรษฐกิจอ่อนแออยู่แล้วจากแรงกระแทกปัจจัยภายในและภายนอก  และกำลังจะถูกซ้ำเติมอีก  อย่าลืมว่าปี 2562 เศรษฐกิจก็อยู่ในอาการหยอดน้ำเกลืออยู่แล้ว  ถ้างบประมาณลงระบบช้าต่อไป เชื่อว่าไตรมาสแรกปี2563จ่อเข้าไอซียู เพราะรัฐใช้จ่ายอะไรไม่ได้ไม่มีงบลงระบบ

เอกชนร้องคนกลุ่มเดียวทำศก.พัง  ไตรมาสแรกจ่อไอซียู

แหล่งข่าวจากวงการอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าการส่งออกนำติดลำดับต้นๆของประเทศ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้นจากคนเพียงกลุ่มเดียวกำลังทำให้เศรษฐกิจทั้งระบบของประเทศพัง  อยากให้นักการเมืองมองประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นต่อประเทศเป็นหลักก่อน  เวลานี้หลายกลุ่มอุตสาหกรรมต่างมองว่าถ้าไตรมาส2 ยังปลุกเศรษฐกิจรวมไม่ฟื้น เศรษฐกิจไทยเข้าขั้นต่อท่อหายใจแน่  ถ้าเงินงบประมาณไม่ลงระบบการจับจ่ายไม่เกิด ไม่มีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน  อุตสาหกรรมต่อเนื่องไม่ขยับ  เศรษฐกิจก็ขับเคลื่อนลำบาก เพราะเวลานี้ตัวช่วยด้านส่งออก ก็ยังไม่ดีขึ้น

ฟังเสียงสะท้อนจากภาคธุรกิจแล้วภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2563 อาจเข้าข่ายเผาจริงตามที่เคยประเมินไว้เมื่อปีที่ผ่านมา  วันนี้ต้องตั้งคำถามว่า...เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร!!!   หลายปัจจัยลบรุมเร้าลำพังปัจจัยภายนอกก็รับศึกแทบไม่ไหว  มาถูกซ้ำเติมด้วยปัจจัยภายในหลายตลบ มองในแง่นักลงทุนก็ต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่  อยู่ที่ว่าใครสายป่านยาวอาจรอด  ห่วงแต่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่อาจไปต่อลำบาก ถึงตอนนี้กราบวิงวอนบรรดานักการเมืองขอให้คำนึงถึงประเทศชาติเป็นหลักก่อน!

คอลัมน์ : Let Me Think
โดย      : TATA007

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

2563 เศรษฐกิจ เผาจริง!!!
เอกชนห่วงงบปี 2563 โมฆะ เศรษฐกิจทรุดหนัก