อนาคตการเมืองไทย กับ กรณ์ จาติกวณิช

21 ม.ค. 2563 | 12:00 น.

คอลัมน์ข้าพระบาททาสประชาชน ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3542 หน้า 6 ระหว่างวันที่ 23-25 ม.ค.63 โดย.... ประพันธุ์ คูณมี

 

อนาคตการเมืองไทย

กับ

กรณ์ จาติกวณิช

 

            ข่าวใหญ่ทางการเมืองในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ในความสนใจของผู้คนจำนวนไม่น้อย รวมถึงผู้เขียนด้วยก็คือ ข่าวการลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ของ นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ หลายสมัย และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สมัยที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งๆ ที่เคยอยู่ทำงานร่วมกับพรรคมาไม่น้อยกว่า 15 ปี เป็นคนหนุ่มที่น่าจะมีอนาคตทางการเมืองที่ดีกับพรรคประชาธิปัตย์

            แต่ท้ายที่สุดก็ตัดสินใจลาจากพรรคการเมืองเก่าแก่นี้ไป แบบช็อกต่อความรู้สึกของคอการเมืองให้ได้พูดคุยวิเคราะห์หาสาเหตุด้วยความสนใจ แต่เมื่อได้อ่านข้อเขียนของคุณกรณ์ ที่เขียนเปิดใจและขอบคุณพรรคประชาธิปัตย์ ก็ทำให้ถึงบางอ้อพอให้รู้ต้นสายปลายเหตุว่า เพราะเหตุใดกรณ์จึงไม่อาจอยู่ร่วมงานกับพรรคนี้ได้อีกต่อไป และเขามีเป้าหมายทางการเมืองอย่างไร

            คุณกรณ์ ได้เขียนขอบคุณพรรคประชาธิปัตย์ โดยพูดถึงเหตุผลที่ตัดสินใจลาออกจากประธานธนาคาร JP Morgan (ประเทศไทย) มาลงสมัครผู้แทนและร่วมงานกับพรรค และการที่ได้รับโอกาสจากพรรคในการทำงาน จนได้รับแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีคลัง แต่สาระสำคัญที่อยากจะคัดมาลงและพูดถึงในบทความนี้คือ ส่วนที่คุณกรณ์พูดถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของตนว่า

 

            “ผมมีความฝันที่อยากจะสร้างการเมืองแห่งความเปลี่ยนแปลง การเมืองที่กล้าคิด กล้าทำ มีความรอบคอบแต่ไร้ความกลัว มีความเด็ดเดี่ยวแต่มีคุณธรรม เป็นการเมืองที่จะชวนผู้คนในสังคมไทยที่มีศักยภาพมาร่วมกัน ออกแบบและขับเคลื่อนประเทศไทยไปด้วยกัน ตลอดเวลาที่ทำงานการเมือง ผมได้มีส่วนร่วมกับประชาชนหลากหลายกลุ่ม ทำให้ผมมองเห็นประเทศไทย และสังคมการเมืองไทยในภาพที่กว้างขึ้นและลึกขึ้น

            ประสบการณ์เหล่านี้ทำให้ผมตัดสินใจเดินหน้าสร้างทางเลือกทางการเมืองที่คนไทยแสวงหา เป็นการเมืองที่ต้องกล้าคิด กล้าทำ กล้าแม้แต่จะพลั้งพลาด และเป็นการเมืองที่มั่นใจในศักยภาพของคนไทย เป็นการเมืองที่มีเป้าหมายเปลี่ยนแปลงประเทศในหลากหลายมิติ ด้วยเชื่อว่าหากเราไม่กล้าเปลี่ยน ไม่กล้าท้าทายตัวเอง คนไทยจะลำบากเพราะเราจะแข่งขันไม่ได้ การตัดสินใจสิ่งใดๆก็ตาม ที่เป็นก้าวที่สำคัญของชีวิต จะต้องฟังเสียงข้างในของตัวเอง แต่สำหรับนักการเมือง ไม่ว่าจะก้าวเล็กหรือก้าวใหญ่ ต้องมาจากการรับฟังเสียงของประชาชนอีกด้วย ดังนั้น ทุกๆก้าวต่อไป ผมตั้งใจจะเดินไปพร้อมกับพี่น้องประชาชนทุกคน”

            นี่คือส่วนสำคัญที่ คุณกรณ์ ได้เขียนไว้เองเมื่อ 15 มกราคม 2563 เพื่อบอกถึงความคิดในใจและเป้าหมายทางการเมืองของตนต่อประชาชน สรุปสาระได้ว่า คุณกรณ์ ต้องการทำงานการเมืองตามแนวทางของตนดังกล่าว ที่มิอาจทำให้เกิดขึ้นได้ภายใต้สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ นั่นเองและนี่เท่ากับเป็นการประกาศตนที่จะสร้างพรรคการเมืองขึ้นมาใหม่ ตามแนวคิดและอุดมการณ์ ความฝันของตนด้วยความร่วมมือและรับฟังเสียงจากประชาชน ด้วยความเข้าใจต่อแนวคิดและความมุ่งมั่นตั้งใจที่ดีของนักการเมืองที่เป็นนํ้าดีคนหนึ่ง

            ขอให้กำลังใจ ขอให้เดินหน้าและประสบผลสำเร็จครับ ขอจงฝันให้ไกลและไปให้ถึงซึ่งที่หมาย แม้จะรู้ว่าหนทางนั้นยากลำบาก และมิได้โรยไว้ด้วยกลีบกุหลาบก็ตาม เมื่อมีความตั้งใจดีมีความฝัน ความมุ่งมั่นที่จะสู้และฝ่าฟัน เพื่ออนาคตและเป้าหมายที่ดี ย่อมดีกว่าคนที่ยอมจำนนไม่กล้าคิด ไม่กล้าทำ แต่ด้วยเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ เป็นงานท้าทายที่สำคัญของบ้านเมือง เมื่อท่านอยากฟังเสียงประชาชน ในทุกๆก้าวที่ตัดสินใจ จึงฝากไว้เป็นข้อคิด

            ในช่วงเวลาที่ผ่านมา คนหนุ่มสาวและคนที่มีไฟทางการเมืองแบบคุณกรณ์หลายคน ได้มีโอกาสสัมผัสการต่อสู้เพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศ และความมุ่งมั่นพยายามผ่านขบวนการต่อสู้เรียกร้องของประชาชน หรือแม้กระทั่งเคยมีพรรคการเมือง ที่คิดและต่อสู้เพื่อจะสร้างประเทศ เปลี่ยนแปลงสังคมเพื่อก้าวสู่สังคมใหม่ ผ่านมาแล้วหลายครั้งหลายเหตุการณ์ ตั้งแต่ยุค 14 ตุลาคม 2516 เป็นต้นมาจนถึงการต่อสู้ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนฯ หรือ การลุกขึ้นเรียกร้องการปฏิรูปประเทศของผู้คนหลายล้านคน ในการชุมนุมของ กปปส.

 

            มาถึงการเมืองยุคสมัยปัจจุบัน เราได้เห็นความมุ่งมั่นของผู้คนในหลายยุคสมัย ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงการเมืองของประเทศ สร้างประเทศไทยใหม่ที่พวกเขาใฝ่ฝันและแสวงหา ด้วยความเชื่อมั่นว่า เส้นทางที่ก้าวเดินไปนั้น น่าจะดีกว่าสภาพสังคมไทยที่เห็นและเป็นอยู่ ตามความเชื่อของพวกเขาด้วยความมั่นใจว่า สิ่งที่ทำและได้ทุ่มเทเสียสละต่อสู้นั้น จะเกิดการเมืองใหม่ที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี มีผู้นำทางการเมืองที่จะพาประเทศไทยเจริญรุ่งเรือง ประชาชนอยู่ดีกินดี มีความทัดเทียมกับนานาอารยประเทศ บ้านเมืองก้าวไปสู่ความเป็นชาติแถวหน้าของโลก ทันกับการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีคณะบุคคลใด หรือพรรคการเมืองใด สามารถกระทำให้สำเร็จจนสามารถเปลี่ยนแปลงประเทศไทย สังคมไทย ให้เจริญก้าวหน้า ก้าวทันโลกทันกับการเปลี่ยนแปลงได้ ดังที่คุณกรณ์ฝันและอยากเห็น การเมืองไทยยังวนอยู่ในอ่าง ดังที่เห็นและเป็นอยู่

            งานที่ คุณกรณ์ ประกาศตัวและหาญกล้าท้าทายที่จะทำนี้ จึงเป็นงานที่ยิ่งใหญ่และยากลำบาก ที่หลายคนเคยประกาศอาสาตัวมาแล้ว และต้องทำงานหนัก เหนื่อย ต้องอดทน เดินทางไกลด้วยใจที่เชื่อมั่นและศรัทธา ที่สำคัญต้องมีพลังความร่วมมือของมหาชนจำนวนมาก ที่พร้อมจะเดินเคียงข้างและต่อสู้ไปด้วยกัน

            แกนหลัก กองหน้า มิตรสหายร่วมอุดมการณ์ ที่จะต่อสู้เคียงข้างกันไปนั้น ต้องมีคนที่มีความคิดและอุดมการณ์เดียวกัน เป็นจำนวนไม่น้อย ไม่ใช่มีเพียงคุณกรณ์ ขบวนแถวและองคาพยพของกองทัพการเมืองของคุณกรณ์ ต้องมีคนเข้าร่วมจำนวนมากพอ และต้องเปี่ยมด้วยคนคุณภาพที่ประชาชนยอมรับและเชื่อถือต่อการเป็นผู้นำ เพียงแต่มีความรู้ความสามารถ และมีความคิดเช่นเดียวกับคุณกรณ์เท่านั้น ยังไม่พอ จุดยืนเพื่อประเทศชาติและประชาชน ต้องแน่วแน่ มั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง ไม่โลเล ต้องเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ พร้อมที่จะเดินทางไกลไปด้วยกันอีกด้วย จึงจะทำให้งานนี้มีโอกาสแห่งความสำเร็จ

            เพราะงานการเมืองคืองานสร้างชาติ สร้างประเทศ มิใช่งานเลี้ยง งานปาร์ตี้ และมิใช่งานเฉพาะกิจ หรือพรรคชั่วคราว หากคุณกรณ์และพวกมุ่งมั่นที่จะเดินเส้นทางสายนี้ ไม่คิดใจร้อนใจเร็ว อยากได้อำนาจ อยากเป็นใหญ่ในเร็ววัน โดยไม่คิดจะเหนื่อยทำงานหนัก เหมือนบางพรรค ก็ขออวยพรให้สำเร็จครับ

            ประเทศไทย มีผู้ที่ทุ่มเทเสียสละ กล้าหาญ กล้าต่อสู้ แบบคุณกรณ์มาแล้วมากมายในประวัติศาสตร์ แม้บุคคลเหล่านั้นจะยังทำภารกิจที่ยิ่งใหญ่ไม่สำเร็จ แต่ก็เป็นบทเรียนอันลํ้าค่าให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา หวังว่าคุณกรณ์คงจะเก็บรับบทเรียนในอดีต เพื่อก้าวเดินไปสู่อนาคต โดยพร้อมที่จะเดินสายพบปะ ยกมือไหว้สามัคคีผู้คนในแผ่นดิน รวบรวมผู้คนที่คิดดีต่อบ้านเมืองให้มาร่วมกัน

            ประเทศไทย “คนเป็นหัวหน้าพรรค” มีเยอะครับ แต่คนที่จะเป็น “ผู้นำ” (Leader) นั้นหายาก ขอให้เดินหน้าและจงสำเร็จ เป็นอนาคตการเมืองของประเทศไทยจริงๆ เถอะครับ ขอให้กำลังใจ คนที่กล้าคิด กล้าทำ กล้าเดินไปตามฝัน ด้วยสติและปัญญา เช่นนี้ ดีกว่าคนที่ไม่กล้าคิดไม่กล้าทำอะไรเสียเลย อย่างน้อยการเมืองไทย จะได้มีทางเลือกที่ดีกว่า