ข้อตกลงการค้ามะกัน-จีน แค่คลี่คลาย 'แต่ยังไม่ไว้ใจ'

17 ม.ค. 2563 | 11:00 น.

คอลัมน์อยู่บนภู ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3541 หน้า 6 ระหว่างวันที่19-22 ม.ค.63 โดย... กระบี่เดียวดาย

 

ข้อตกลงการค้ามะกัน-จีน

แค่คลี่คลาย 'แต่ยังไม่ไว้ใจ'

 

     คลายตัวลงไปได้ระดับหนึ่ง แต่ยังไม่สามารถวางใจได้อย่างเต็มที่นัก สำหรับข้อพิพาททางการค้าของมหาอำนาจของโลกสหรัฐฯกับจีน หลังมีการลงนามสัญญาทางการค้าเฟสแรกระหว่าง 2 ฝ่าย

     ระยะเวลาร่วม 18 เดือน ที่โลกตกอยู่ในอาการหวาดผวา หลังจาก 2 ฝ่ายเปิดฉากงัดอาวุธ เครื่องมือที่มีสาดเข้าหากัน

     โลกแวดวงธุรกิจต้องกลั้นหายใจ มีเรื่องให้ตื่นเต้นเกือบทุกศุกร์สุดสัปดาห์ โดยเฉพาะจากทวีตของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ที่มักจะเลือกคํ่าหรือดึกวันศุกร์ตามเวลาประเทศไทย แสดงท่าทีที่แข็งกร้าวใส่จีน บางครั้งก็แสดงท่าทีถอยหลังเกือบสุดซอยก่อนเดินใหม่ ด้วยความใหญ่ของมหาอำนาจเมื่อต่างฝ่ายแค่ขยับตัวก็สะเทือนไปทั่วท้องทุ่ง

     โลกส่วนใหญ่ผูกพันการค้า ไม่อเมริกาก็จีนกันทั้งนั้น อาจจะส่งผ่านจีนเข้าอเมริกา หรือจีนส่งผ่านประเทศอื่นเข้าอเมริกา เมื่อมีการตั้งกำแพงจึงส่งผลกระเทือน เหมือนกับที่ไทยซึ่งที่ผ่านมาพึ่งการส่งออกขับเคลื่อนเศรษฐกิจเป็นหลัก แต่พิษภัยจากสงครามการค้าทำให้การส่งออกของไทยอ่อนแอลงดังจะเห็นได้จากตัวเลขส่งออกเดือนพฤศจิกายน 2562 ที่ทรุดตัวลงไปถึง 7.7% ทำให้การส่งออกรวมทั้งปีหดตัวลงไปมากกว่า 2 % และไม่มีทีท่าสิ้นสุดลง

 

     ที่บอกว่าคลี่คลายแต่ยังไม่วางใจเพราะการลงนามเมื่อ 15 มกราคม 2563 ของทั้ง 2 ฝ่ายเป็นเพียงเฟสแรกเท่านั้น

     “นี่เป็นข้อตกลงที่เหลือเชื่อ ที่จะนำไปสู่สันติภาพที่มั่นคงทั่วโลก ตอนนี้ทั้งสหรัฐฯและจีนกำลังร่วมแก้ไขสิ่งที่เคยผิดพลาดมาในอดีต และจะทำให้อนาคตของผู้ใช้แรงงาน เกษตรกร และครอบครัวชาวอเมริกัน ประสบกับความมั่นคงและความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจ” ประธานาธิบดีทรัมป์แถลงหลังลงนาม

     ขณะที่หลิว เหอ ผู้แทนของมังกรจีน อ่านสารจากประธานาธิบดีสี จิ้นผิงถึงทรัมป์ ข้อตกลงการค้าเฟส 1 เป็นสิ่งที่ดีทั้งต่อจีน สหรัฐฯ และทั้งโลก ในก้าวต่อไปต้องนำข้อตกลงการค้านี้มาดำเนินการในเชิงปฏิบัติอย่างจริงจัง

     ข้อตกลงการค้าเฟส 1 จีนจะต้องจัดทำแผนปฏิบัติการ (Action Plan) ว่าด้วยการให้ความคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาในระดับที่เข้มงวดรัดกุมยิ่งขึ้น ยื่นเสนอต่อสหรัฐฯภายในเวลา 30 วันนับจากที่ข้อตกลงฉบับนี้มีผลบังคับใช้

     บริษัทสหรัฐฯควรดำเนินธุรกิจในจีนได้โดยไม่ถูกบังคับหรือกดดันให้ต้องถ่ายทอดเทคโนโลยีของตนให้กับบุคคลหรือบริษัทอื่นที่เป็นฝ่ายจีน

     จีนจะเพิ่มการซื้อสินค้าจากสหรัฐฯในหมวดสินค้าอุตสาหกรรม พลังงาน สินค้าการเกษตรและบริการ คิดเป็นมูลค่าอย่างน้อย 200,000 ล้านดอลลาร์ ในระยะ 2 ปีข้างหน้า

     ขณะที่สหรัฐฯยกเลิกการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนระลอกใหม่และปรับลดภาษีที่ขึ้นไปแล้วก่อนหน้านี้ให้ลดลงมาอยู่ที่อัตรา 7.5% สำหรับสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 120,000 ล้านดอลลาร์

     แม้จะเป็นแพคเกจที่ดูดี แต่เป็นขั้นต้นเท่านั้น เพราะดูเหมือนมะกันยังกังวล โดยคงภาษีบางส่วนไว้จะลดลงมาก็ต่อเมื่อจัดทำข้อตกลงการค้าเข้าสู่เฟส 2 เรียกง่ายๆ ว่าเก็บภาษีเป็นเครื่องมือเจรจาเฟส 2 ว่างั้น

     ดูข้อเสนอมะกันแล้วทางจีนต้องปรับพฤติกรรมการค้าหลายประการและต้องซื้อสินค้าจากมะกันจำนวนมาก ซึ่งไม่ง่าย !!

     จีนมีความจำเป็นต้องใช้สินค้ามะกันมากมายขนาดที่ตกลงกันหรือไม่ การเลือกสินค้ามะกันถ่ายเดียวจะมีปัญหาภายในกับผู้ผลิตผู้ค้าภายในของจีนหรือไม่ เป็นโจทย์ที่ยากพอสมควร

     กว่าจะเข้าสู่ระยะเวลาที่จะนำไปสู่การเจรจาเฟส 2 ก็ไปกำหนดกันเดือนพฤศจิกายนก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ

     ช่วง 11 เดือนก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 10 เดือนก่อนข้อตกลงการค้าเฟส 2 ในทางเศรษฐกิจการค้าโลกจึงยังเต็มไปด้วยความเสี่ยง ความผันผวน โดยเฉพาะท่าทีของทรัมป์ ที่พร้อมพลิกกลับไปกลับมาให้มึนงงได้ตลอดเวลา

     ประเทศเล็กๆ อย่างไทยจำต้องวางกลยุทธ์ที่รัดกุม มีแผน 2-3-4 ไว้เสมอ

     ต้องไม่จมปลักพึ่งพิงแต่ตลาดเดิมๆ

     ตรวจสอบดูแลตัวเองให้แข็งแรงไว้สมํ่าเสมอ

     ไม่ให้เป็นโรคเรื้อรัง ที่ไม่สามารถเยียวยาได้ !!