จับตา“บิ๊ก ปตท.” สืบทอดทายาท นั่งบอร์ดบริษัท

14 ม.ค. 2563 | 11:31 น.

คอลัมน์ฐานโซไซตี ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3540 หน้า 4 ระหว่างวันที่ 16-18 ม.ค.63 โดย... พริกกะเหรี่ยง


จับตา“บิ๊ก ปตท.” สืบทอดทายาท นั่งบอร์ดบริษัท 
 

     .....จับตากันให้ดีๆ “ไกรฤทธิ์ บุณยเกียรติ” ประธาน และ “ชาญศิลป์ ตรีนุชกร” ซีอีโอ ปตท.ที่กำลังจะหมดวาระพฤษภาคมนี้ ลักไก่ ทิ้งทวนตั้งทายาทเป็นกรรมการบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัทลูก โดยไม่ยอมหารือรัฐมนตรีพลังงานที่กำกับดูแล อ้างหารือคนโตในทำเนียบรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว
     .....พฤติกรรมแอบอ้างแบบนี้กระทำมาโดยตลอด เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2562 ก็คราวหนึ่ง เคยแอบอ้างคนโตในทำเนียบรัฐบาล และรมว.พลังงาน สอดไส้จะตั้ง “ไพรินทร์ ชูโชติถาวร” เป็นกรรมการบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ทั้งที่ไม่ได้หารือกับรมต.และคนโตในทำเนียบรัฐบาลจริง จนทำให้ “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” รมว.พลังงานควันออกหู สั่งทบทวนและเบรกไปในรอบนั้น
     .....บัดนี้ถึงฤดูการแต่งตั้งกรรมการแทนกรรมการที่ครบกำหนดวาระ ก็พยายามเล่น “มุกเดิม” ให้บริษัทนํ้ามันแห่งชาติอยู่ในวังวนเดิมๆ แล้วอย่างนี้การบริหารงานในบริษัทแห่งนี้จะเดินหน้าไปเช่นไร จะมีปัญหาในการบริหารองค์กรหรือไม่ ทั้งพฤติกรรมข้ามหัวรัฐมนตรี แอบอ้างคนโตในทำเนียบแบบนี้เขาเรียก “เสียมารยาท” ต้องถามว่า ทั้ง “ไกรฤทธิ์” และ “ชาญศิลป์” เข้าใจความหมายนี้ไหมหรือเข้าใจอยู่แล้วแต่ไม่สน เพราะอยากทำ ก็จะทำ
     .....เก้าอี้ร้อน “สุเมธ ดำรงชัยธรรม” ดีดีการบินไทยทำท่าว่าอาการร่อแร่ โดยเฉพาะประเด็น เรื่องผลประกอบการไตรมาส 4 ที่จะออกมาในสัปดาห์นี้ ซึ่งคาดว่าจะมีกำไรจิ๊บจ๊อย แม้จะเป็นช่วงพีกซีซันก็ตาม ประเพณีทุกสายการบินต้องทำกำไร เมื่อรวมทั้งปีคาดว่าการบินไทยจะบักโกรก “หมื่นล้าน” เหมือนเดิม จึงคาดกันว่าจะเป็นประเด็นใหญ่ที่ฝ่ายการเมืองใช้เป็นข้ออ้างวัดดวงว่า “ดีดี” อยู่หรือไป

     .....แต่นอกเหนือจากประเด็นขาดทุนแล้วเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามคือแผนการซื้อเครื่องบิน 38 ลำ มูลค่า 1.5 แสนล้านบาทและแผนฟื้นฟูที่ตั้งแต่ “ดีดีสุเมธ” เข้ามารับตำแหน่ง ยังไปไม่ถึงไหนทำแล้ว-ทำอีกแก้แล้วแก้อีก หลายตลบ จะซื้อ-ไม่ซื้อ ซื้อเท่าไร บินที่ไหนวนอยู่ในอ่างเพราะมีตัวแปรอยู่ที่การขาดทุนทำให้ทำอะไรไม่ถนัด
     .....อีกทั้งยังมีเรื่องการลดค่าใช้จ่าย ซึ่งเป็นเรื่องยากที่สุดเพราะอย่างที่บอกไปหลายครั้งว่าลดจนไม่เหลืออะไรให้ลด ทั้งโอที-เบี้ยเลี้ยงเดินทาง-ฝึกอบรม ถูกหั่นเหี้ยนไม่เหลือและค่าใช้จ่ายเหล่านี้หักลดให้ตายก็ลดได้ไม่เท่าไร สู้ไปดูให้ดีเรื่องของงบจัดซื้อ จัดจ้าง หักลดตรงนั้นน่าจะเป็นกอบเป็นกำมากกว่า และต้องดูให้ดีว่ายังมีอะไรซ่อนอยู่ใต้พรมบ้าง และสิ่งสำคัญของการลด Cost คือยํ้าว่าต้องไม่กระทบเรื่อง “เซฟตี้”
     .....ทั้งหมดเหมือนเป็นคนละเรื่องแต่ที่จริงคือเรื่องเดียวกันในการบริหารต้นทุน ลดค่าใช้จ่าย และทำให้การบินไทยกลับมามีกำไร ซึ่งมีผลต่อการประเมินผลงาน “ดีดี” ทั้งสิ้น อีกทั้งหาก “ดีดี” ถูกเด้งเวลานี้ก็กระทบกับแผนการจัดซื้อฝูงบินแน่นอน เพราะการหาดีดีใหม่ก็ต้องใช้เวลา ได้มาก็ต้องมานั่งนับหนึ่งใหม่ เห็นชัดว่าเปลี่ยนมา2 ดีดีแผนซื้อเครื่องบินไม่คืบ ผู้กำกับนโยบายก็ต้องคิดให้ตกว่า “อยู่กับไป” อันไหนคุ้มกว่ากัน
     .....อีกทั้งยังมีข่าวหนาหูว่าที่ประชุมบอร์ดวันที่ 15 มกราคมนี้จะมีการชงยกเลิกเส้นทางบินในประเทศ-ต่างประเทศ โดยยกเลิกบิน “มอสโก” อันที่จริงเส้นทางนี้ลักปิด-ลักเปิด เดี๋ยวปิดเดี๋ยวเปิดมาหลายรอบ พร้อมกับจะเปิดเส้นทางบินใหม่เข้าสเปน โดยแวะโรม (กรุงเทพฯ-โรม-มาดริด) ส่วนในประเทศ เส้นทางบินภูเก็ต และเชียงใหม่ ที่ยังเหลืออยู่บางเที่ยวบิน จะยกให้ไทยสมายล์ทำการบินทั้งหมด หวังลดขาดทุนไทยสมายล์

     .....เรื่องนี้ทำเอาคนในบินไทยเองเต้นผาง! เพราะจะว่าไปแล้ว ส่วนหนึ่งเท่ากับเป็นการทำลายโปรดักต์ของการบินไทยเอง เนื่องจากเส้นทางบินภูเก็ต-เชียงใหม่ ส่วนใหญ่ยังมีผู้โดยสารประเภทคอนเนกติ้งไฟลต์ บินจากยุโรปหรือเมืองอื่นๆ จากต่างประเทศ เพื่อต่อเครื่องไปยังทั้ง 2 เมืองจึงทำให้เกิดคำถามว่า โปรดักต์ไทยสมายล์ตอบโจทย์ผู้โดยสารเหล่านี้หรือไม่?
     .....ในเมื่อเครื่องบินมีขนาดเล็กกว่าเซอร์วิสต่างๆ สู้การบินไทยที่เป็นสายการบินระดับพรีเมียร์ไม่ได้ ซึ่งหากจะยกเส้นทางบินให้ไทยสมายล์ บอร์ดก็ต้องคิดให้รอบด้าน เพราะหากวาง “โปรดักต์” ผิดพลาดไปแล้วกู่กลับยาก ยิ่งในสถานการณ์การแข่งขันที่รุนแรงเช่นนี้
     .....สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับพันธมิตรภาครัฐเอกชนผู้ประกอบการท่องเที่ยวจัดกิจกรรม Run To Help, Run For Australia วันเสาร์ที่ 18 มกราคมนี้ ที่เขื่อนบางวาดเวลา 06.30 น. โดยนำรายได้สมทบทุนเพื่อแก้ไขภัยพิบัติวิกฤติไฟป่าออสเตรเลียผ่านสภากาชาดออสเตรเลีย ลงทะเบียนร่วมวิ่งในราคา 200 บาทรับ 3 พันคนเริ่มตั้งแต่วันนี้