ศก.ปีหนู สัญญาณดี ห่วงคนตกงาน
..... เปิดรับศักราชใหม่ 2563 ด้วยทิศทางเศรษฐกิจที่เริ่มเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ผู้ว่าแบงก์ชาติโดย “ดร.วิรไท สันติประภพ” ฟันธงตัวเลขประมาณการจีดีพีอยู่ที่ 2.8% ต่ำกว่าศักยภาพ ที่ควรจะเป็น ซึ่งน่าจะอยู่ที่ 3.5-4% ได้ยินแบบนี้แล้วภาคเอกชนคงใจชื้นขึ้นแยะ หลังจากตกอยู่ในพะวังหลอนด้วยเทรดวอร์มาตลอดปี 2562
..... ด้วยปัจจัยหลายด้านที่ผู้ว่าแบงก์ชาติ มองว่าสัญญาณปีนี้ดี แต่ยังให้นิยามปีหนูว่าเป็นปีแห่งการ “ปฏิรูปโครงสร้างระบบเศรษฐกิจ” การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่น่าห่วงและเริ่มเห็นผลชัดเจนขึ้น ซึ่งเกิดขึ้นทั่วโลกมิใช่แต่เฉพาะประเทศไทยเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของซัพพลายเชน หรือไอที
..... โดยบิ๊กแบงก์ชาติให้เหตุผลสนับสนุนว่า ภาพใหญ่ของเศรษฐกิจปี 2563 ที่จะได้เห็นชัดคือการลงทุนเมกะโปรเจ็กต์ซี่งปีที่แล้วเข็นไม่ค่อยขึ้นเพราะติดปัญหาเรื่องการเบิกจ่ายงบประมาณ แต่ปีนี้จะฉลุย มีการใส่เม็ดเงินและลงมือทำอย่างจริงจัง แต่โครงการที่ยังช้าอยู่ก็คือ “รถไฟความเร็วสูงไทย-จีน” ซึ่งหากเร่งเครื่องได้เร็วก็จะช่วยในเรื่องค่าเงินบาทที่แข็งโป๊ก ให้เอกชนได้คลายความกังวลกันได้บ้าง
..... แต่ก็ใช่ว่าจะดีไปเสียหมด ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่น่าห่วงไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ปัญหาแรงงาน ที่อาการยังไม่สู้ดี การปิดโรงงาน คนตกงาน ซึ่งมาจาก 2 สาเหตุหลักคือการลดกำลังการผลิตกับการปรับโครงสร้างของอุตสาหกรรมหันไปใช้ไอที เข้ามาทดแทนและการถูก “ดิสรัปต์” นั่นคือปัญหาที่เอกชนต้องตั้งรับและพร้อมที่จะปรับตัว เพื่อความอยู่รอด
..... ความเสี่ยงจากการจ้างงานที่ลดลง สะท้อนได้จากการลดการจ้างงานนอกเวลา “โอ-ที- Overtime” การปรับเปลี่ยนวิธีการจ้างงานจากเดิมเป็นรายเดือนปัจจุบันปรับมาเป็นรายวัน มีการจ้างงานไม่เต็มเวลา หรือ “จ่ายเงินเดือน 75 %” ซึ่งจะลามไปถึงกำลังซื้อและการลงทุนหดหาย ธุรกิจสื่อ-แบงก์กระทบหนัก ทั้งจากระบบ “อี-เพย์เมนต์” พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป สิ่งเหล่านี้ยังตามหลอนมาถึงปีนี้ และเป็นการสะท้อนในเชิงโครงสร้าง
..... บนความท้าทายย่อมมีโอกาสซึ่ง 3 ปัจจัยเสี่ยงที่ไม่ควรมองข้ามในปีนี้ คือ 1.การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี 2.ภูมิรัฐศาสตร์ของโลก ปัญหาโลกร้อน และ 3. การก้าวสู่สังคมสูงอายุ ซึ่งเป็นทั้งวิกฤติและโอกาส เมื่อโลกร้อนคนเลิกใช้ถุงพสาสติกย่อมเป็นโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ เกิดความเสี่ยงใหม่ ไฟไหม้ป่าในออสเตรเลีย พายุไต้ฝุ่นที่รุนแรงในประเทศญี่ปุ่น
..... ส่วน “สังคมสูงวัย” การบริโภคหดหาย แต่ก็ทำให้เกิดผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ รองรับไม่ว่าจะเป็นผ้าอ้อมสำหรับผู้สูงอายุ อาหารโซเดียมต่ำ เฟอร์นิเจอร์สูงวัย ด้านเทคโนโลยีเปลี่ยนเกิดดิสรัปชัน แต่ก็ทำให้เกิดธุรกิจใหม่ๆ การขายสินค้าผ่านออนไลน์ ดิลิเวอรีอาหารผ่านแกร็บ ทำร้านห้องแถว แจ้งเกิดอีกครั้ง ฉะนั้นเอกชนต้องตั้งรับปรับตัวตามความท้าทายใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น
..... ขณะเดียวกันยังมีปัจจัยที่ยังตามหลอนเศรษฐกิจไทยก็ยังมีอยู่ อาทิ เรื่อง หนี้ครัวเรือนสูง แต่การออมต่ำ ยอดการผิดนัดชำระหนี้พุ่ง ค่าเงินบาทและมาตรการ LTV กระทบกำลังซื้อภาคอสังหาฯ ยอดขายรถยนต์ติดลบ เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามกับภาวะเศรษฐกิจปี 2563
..... ปรับโหมดกันด้วยขึ้นแท่นซีอีโอหญิงคนแรกของ เค-แบงก์ “ขัตติยา อินทรวิชัย” แทน “เจ้าสัวปั้น-บัณฑูร ล่ำซำ” ที่วางมือ แต่ก็ยังอยู่ห่างๆ อย่างเป็นห่วง แม่ทัพหญิงบอกว่าทำแผนธุรกิจทำยุทธศาสตร์ ไว้ครบรอบด้าน ไม่เว้นแม้แต่กระทั่งพึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไหว้ศาลพระภูมิเจ้าที่เอาฤกษ์เอาชัย ครบทุกศาสตร์รอแค่สตาร์ตนำพาองค์กรสู่ “ดิจิทัลแบงกิ้ง” ด้วยพลังแห่งข้อมูลเต็มพิกัด
.....ปิดท้าย “ธาพิดา นรพัลลภ” บิ๊กบอส ห้างเซ็นทรัล จัดงาน“CENTRAL BABY & KIDS HAPPY DAYS 2020”ต้อนรับวันเด็กแห่งชาติ 11-12 มมกราคมนี้ให้น้องๆ แฮปปี้ทุกโมเมนต์ สนุกทุกจินตนาการที่แผนกเด็กห้างเซ็นทรัลทุกสาขา (ยกเว้นสีลมคอมเพล็กซ์) ตื่นตาตื่นใจกับฟิกเกอร์ยักษ์ ขนาด 1.5 เมตร จากฟิกเกอร์หุ่นต่อ Playmobil และต่อปั๊บรับกลับบ้านเลย!