“ไม่รู้ อยู่ยาก” รับมือปัจจัยเสี่ยงเขย่าโลก

28 ธ.ค. 2562 | 22:35 น.

 

     ดูภาพรวมบรรยากาศเศรษฐกิจไทย เศรษฐกิจโลกตลอดปี 2562 ภาคธุรกิจหายใจไม่ทั่วท้อง   แม้หลายวิกฤติไม่ได้เกิดจากปัจจัยภายในประเทศ  แต่แรงขย่มจากปัจจัยภายนอกหนนี้ ทำให้หลายบริษัทตกอยู่ในสภาพปรับตัวไม่ทันต้องตกหลุมอากาศกันเป็นแถว  ไม่เว้นแม้แต่ยักษ์ใหญ่ที่ยอดขายร่วง  บางบริษัทยกธงขาวถอดใจเดินแผนลดต้นทุนประกาศหยุดงานชั่วคราว บางบริษัทประกาศเลิกจ้างหรือเปิดโครงการเออร์ลี่รีไทร์ ผลพวงที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งมาจากแรงเขย่าจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน (เทรดวอร์) ยืดเยื้อบานปลาย จนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก ผสมโรงด้วย “สงครามเทคโนโลยี” (เทควอร์)

      จากความเคลื่อนไหวดังกล่าว   สมชาย หาญหิรัญ  สมาชิกวุฒิสภา  มีมุมมองอย่างไรกับการเปลี่ยนแปลงนี้โดยเฉพาะการขับเคลื่อนปี 2563

     ผมมองว่าวันนี้ในการวิเคราะห์เรื่องใดเรื่องหนึ่ง โดยแยกคุยเรื่องต่าง ๆ ออกเป็นเอกเทศ ไม่ว่าการเมือง สังคม และเศรษฐกิจ เพราะทุกอย่างผูกติดและสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งมากกว่าที่เราเคยเห็นมาก่อน ถ้าจะถามผมว่าในปี2563 อะไรที่เราต้องระวังและอาจเป็นตัวผลักดันในการเปลี่ยนแปลงเรื่องต่าง ๆ ในโลก ผมมองเรื่องภูมิรัฐศาสตร์ (Geo-Politics) ว่าเป็นปัจจัยสำคัญอันดับแรก การวางบทบาทและกลยุทธ์ในการแผ่อิทธิพลทางการเมืองของประเทศมหาอำนาจ ไม่ว่าจีน ญี่ปุ่น รัสเซีย สหรัฐอเมริกา หรือยุโรป ก็มีเป้าหมายในการแผ่อิทธิพลไปในภูมิภาคต่างๆ โดยใช้เครื่องมือและกลยุทธ์ในการรุกราน ครอบครอง ยึดครอง หรือกุมอำนาจในรูปแบบต่างๆ ที่มีอริยธรรมมากกว่าสงครามทำลายล้างเหมือนในอดีต แต่ผ่านการค้า เทคโนโลยี การเงิน และความช่วยเหลือสนับสนุนต่าง ๆ ฯลฯ

-ปฏิกิริยา 2 ประเทศผู้นำเศรษฐกิจ

     สงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนในช่วง 2-3 ปีนั้น ที่โต้ตอบกันแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน ส่งผลทำให้การค้าและเศรษฐกิจโลกปั่นป่วนอย่างหนัก ประเทศอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องก็ได้รับผลกระทบผ่านระบบห่วงโซ่มูลค่าต่าง ๆ และสร้างความไม่แน่นอน รวมทั้งบั่นทอนความเชื่อมั่นนักลงทุน ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของโลกโดยรวม ซึ่งที่มีผู้วิเคราะห์ว่าทำให้ GDP ของโลกลดลงประมาณ 0.8% ต่อปี และประเทศคู่กรณีเป็นผู้ที่เจ็บปวดมากกว่าประเทศอื่น ๆ และยังไม่พอทั้ง 2 ฝ่ายยังแสดงอำนาจทางการทหารที่เผชิญหน้ากันมากขึ้น

“ผมยังมองว่าในปี 2563 นี้ ทั้ง 2 ฝ่ายน่าจะถูกกดดันจากคนในประเทศที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากสงครามนี้ ทำให้ผู้นำทั้งต้องหาข้อยุติตกลงกันเร็วที่สุด ผมเชื่อว่าวันนี้ทั้ง 2 ฝ่ายกำลังมองหาทางลงและข้อยุติที่ไม่ให้ตัวเองเสียหน้า และน่าจะตกลงกันได้ในปีใหม่นี้ แม้ว่าอาจมีเงื่อนไขเพื่อรักษาหน้าแต่ละฝ่ายก็ตาม”

-ลามสงครามเทคโนโลยี

     อย่างไรก็ตามนอกจากทั้งจีน-อเมริกาใช้เครื่องมือทางการค้า ภาษี มาตรฐาน และข้อห้ามต่าง ๆ ในการกีดกันสินค้าของประเทศคู่ปรับแล้ว ยังลามไปถึงการใช้สงครามทางด้านเทคโนโลยี เพราะสหรัฐอเมริกามองเห็นภัยจากจีนที่กำลังคุกคามการเป็นมหาอำนาจของตัวเองทางด้านเทคโนโลยี ซึ่งบริษัทจีนที่มีทุนมหาศาลที่ได้กำไรจากการทำธุรกิจและการค้าและนำใช้ซื้อหรือเทคโอเวอร์บริษัทด้านเทคโนโลยีของต่างชาติ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาจำนวนมาก ยังไม่พอรัฐบาลจีนประกาศวิสัยทัศน์ในการพัฒนาประเทศที่ชัดเจนที่จะเป็นเจ้าโลกด้านเทคโนโลยีผ่านยุทธศาสตร์ “Made in China 2025” ของประธานาธิบดี สี จิ้น ผิง ที่จีนตั้งเป้าเป็นผู้นำของโลกใน 10 อุตสาหกรรมที่ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยี

     “ยังไม่พอยังอัดงบประมาณมหาศาลด้านวิจัยเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการสร้างส่วนสนับสนุนอื่น ๆ ของรัฐบาลทำให้จีนสามารถพัฒนาเทคโนโลยี 5G ได้ก่อนใครเพื่อน จนทำให้สหรัฐอเมริกาผวา และเชื่อว่าในปี 2563 ระดับการพัฒนาเทคโนโลยีจะกลายเป็นปัจจัยในกำหนดความได้เปรียบการทำธุรกิจอย่างเด็ดขาด”     

“ไม่รู้ อยู่ยาก”  รับมือปัจจัยเสี่ยงเขย่าโลก

ปี 2563 เราจะเห็นสงครามเทคโนโลยีกระจายไปทั่วโลก ประเทศต่าง ๆ จะปกป้องและกีดกันไม่ให้ประเทศอื่นมาครอบครองนวัตกรรมใหม่ ๆ ของตนเองมากขึ้น การลงทุนด้านเทคโนโลยีนอกประเทศ การควบรวมกิจการด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีของประเทศอื่น อาจไม่ง่ายเหมือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาแม้ว่าแรงโต้ตอบจากจีนที่รุนแรงอาจทำให้สหรัฐฯ โดนแรงกดดันจากผู้ได้รับผลกระทบจากคนในประเทศจนต้องยกเลิกคว่ำบาตรหัวเว่ยในเรื่อง 5G และอื่น ๆ แต่เชื่อว่าจะหาเครื่องมือใหม่เพื่อควบคุมความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีของจีนในระยะยาว

     อย่างไรก็ตาม นอกจากเทควอร์และเทรดวอร์แล้ว ยังมองว่าในปี 2563 หลายสำนักด้านเศรษฐกิจทำนายว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวแต่ก็เป็นไปอย่างช้า ๆ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว ที่แต่ละประเทศต่างบอบช้ำจากปัญหาที่ต่อสู้กันมาในปีที่ผ่านมาหรือปัญหาภายในของตนเอง เช่น ประเทศญี่ปุ่นขึ้นภาษีเพื่อแก้ไขปัญหากองทุนเลี้ยงชีพผู้สูงอายุ หรือประเทศจีนและสหรัฐฯ ที่คาดว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจที่อยู่ในอัตราที่ต่ำและความแน่นอนของการเจรจายุติข้อขัดแย้งทางการค้ายังไม่จบดี หรือกรณีการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรปยังไม่แน่นอนในข้อตกลง รวมทั้งการยื่นถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของรัฐสภาสหรัฐฯ รวมทั้งการเลือกตั้งประธานาธิบดีใหม่ของสหรัฐฯ หากประธานาธิบดีทรัมป์ได้รับการคัดเลือกให้เป็นแคนดิเดตของพรรครีพับริกันในการลงชิงชัยอีกครั้ง คาดว่านโยบาย America Frist คงถูกใช้เป็นตัวชูโรงอีก

“เราคงเห็นความปั่นป่วนทางโลกที่สหรัฐฯ จะดำเนินนโยบายแข็งกร้าวขึ้นกว่าเดิม อาจเห็นการตั้งกลุ่มในแต่ละภูมิภาคเพื่อสร้างอำนาจต่อรอง โดยจะเห็นมหาอำนาจในแต่ละภูมิภาคแสดงบทบาทมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ ”

-ระวังก่อการร้ายแบบไซเบอร์

     แม้ว่าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา สถาบันเศรษฐศาสตร์และสันติภาพได้จัดทำดัชนีก่อการร้ายโลก (GTI: Global Terrorism Index) พบว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจากการก่อการร้ายลดลงอย่างต่อเนื่องตลอด และจำนวนครั้งที่การก่อการร้ายก็ลดลง แม้ว่าจะมีจำนวนประเทศได้รับผลกระทบมากขึ้น และ 95% เป็นการเกิดการก่อการร้ายของกลุ่มที่ความขัดแย้งภายในประเทศมากกว่าการก่อการร้ายระหว่างประเทศ แต่ที่คาดว่าจะได้เห็นมากขึ้นในปีใหม่นี้ คือการก่อการร้ายแบบไซเบอร์และเทคโนโลยีที่จะมีบ่อยครั้งมากขึ้น และส่งผลกระทบในวงกว้างต่อทรัพย์สินมากกว่าการก่อการร้ายที่มุ่งหวังชีวิต การจู่โจมทางไซเบอร์ต่อระบบการบริหารจัดการของหน่วยงานรัฐ บริษัทขนาดใหญ่หรือธนาคาร รวมทั้งการขโมยข้อมูลส่วนบุคคลของคนอื่นและนำไปใช้ประโยชน์หรือทำร้ายบุคคลนั้นเริ่มมีให้เห็นมากขึ้น สิ่งเหล่านี้มีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและต้นทุนของการทำธุรกิจและกิจกรรมอื่น ๆ บนระบบดิจิลทัล

-ย้อนมองไทย

     สำหรับสถานการณ์ที่น่าจับตามองภายในประเทศไทย การเมืองที่แตกต่างกันในความคิดที่อยู่คนละขั้วอย่างสิ้นเชิง การประนีประนอมกันนั้นยังยาก เนื่องจากเป็นการต่อสู้ทางความคิดที่สุดขั้วของแต่ละฝ่าย นอกจากนี้ ระบบการสื่อสารผ่านโซเชียลที่ต้นทุนต่ำ มีประสิทธิภาพในการกระจายวงกว้าง รวดเร็ว และยากที่จะควบคุม จะทำให้ความแตกต่างทางความคิดยิ่งฝังลึกและขยายวงกว้าง และอาจลามไปถึงความวุ่นวายทางการเมืองหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งลากความขัดแย้งลงถนน ซึ่งเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่ของประเทศเอือมระอามาตลอด 10 กว่าปี ช่วงปี 2548 - 2557

     เศรษฐกิจฐานรากในประเทศส่วนมากยังคงมีปัญหาในการปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของระบบการค้าสมัยใหม่ ทั้งในรูปแบบการทำธุรกิจ เทคโนโลยี คู่แข่งใหม่ ๆ รวมทั้งพฤติกรรมผู้บริโภค จะเป็นภาระหนักอึ้งที่รัฐบาลต้องเร่งสร้างรูปแบบการสนับสนุนให้ครบถ้วนทั้งการเงิน ความรู้และที่สำคัญคือการเปลี่ยนวิธีคิดของวิสาหกิจเหล่านี้ให้เข้าใจการเปลี่ยนแปลงของโลก ไม่เช่นนั้นเราก็จะได้เห็นความเหลื่ยมล้ำหรือการผูกขาดทางธุรกิจอยู่ในมือไม่กี่กลุ่มมากกว่านี้    

-การค้าเปลี่ยนแปลงชัดเจน

     สำหรับภาพรวมการค้า จะเริ่มเห็นชัดเจนขึ้นว่า การตลาดแบบเดิม ประเภทที่ลูกค้าเดินเข้าหา อาทิ ตลาด ห้างสรรพสินค้า ร้านค้า ฯลฯ ต้องสร้างมูลค่าเพิ่มให้ลูกค้าเดินเข้ามาหามากขึ้น เพราะลูกค้าให้มูลค่ากับเวลาสูงมากขึ้น คนสมัยนี้ตีค่าต้นทุนเวลาสูง ดังนั้นจะยอมจ่ายเงินซื้อเวลาในการเดินทางไปซื้อของ และยิ่งการหาข้อมูลข่าวสารของสินค้าและการขนส่งก็สะดวกสบาย ทำให้มีธุรกิจบริการประเภทนี้จำนวนมาก ห้างร้านขนาดใหญ่มีข้อเสนอที่ดีให้กับลูกค้าในการเดินเข้าหา เช่น การตกแต่งร้านในการเดินเล่น สะดวกสบาย ร้านค้ามีหลากหลาย กิจกรรมเสริมต่าง ๆ ที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกคุ้มค่าในการเดินซื้อของ แต่สำหรับร้านค้าขนาดเล็ก ๆ ที่เสียเปรียบในเรื่องนี้ การเข้าร่วมในเครือข่ายขายออนไลน์จะช่วยลดต้นทุนเวลาในการช็อปปิ้งของลูกค้าได้ ในปี 2563 นี้ ธุรกิจการค้าออนไลน์จะมีการต่อสู้ที่ดุเดือดเพื่อแย่งลูกค้า การลดค่าบริการและคุณภาพบริการจะเป็นเครื่องมือในการต่อสู้ และเราอาจเห็นธุรกิจที่ให้บริการออนไลน์หลายรายล้มหายตายจากไป หากไม่ใหญ่จริง ไม่ถูกจริง และไม่ดีจริง

     เทคโนโลยี 5G จะกลายเป็นตัวพลิกเกมในเกือบทุกสาขาไม่ว่าจะเป็นการบริการและภาคการผลิต โดยในระยะแรกอาจเติบโตช้า ๆ เพราะต้นทุนยังสูงและความเชื่อมั่นของกิจการสนับสนุนที่รองรับการทำงานของเทคโนโลยีใหม่ยังไม่พร้อมและเพียงพอ ส่วนในภาคการผลิตจะทำให้การเข้าสู่ระบบอุตสาหกรรม 4.0 เป็นก้าวกระโดด แต่เรื่องนี้อาจยังอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่มีระบบอัตโนมัติอยู่แล้ว

      ส่วนร้านค้าขนาดเล็กอาจต้องมองกลยุทธ์ใหม่ที่จะต้องขายสิ่งที่ออนไลน์ทำไม่ได้ อาทิ การมีส่วนร่วมของลูกค้า หรือประสบการณ์พิเศษที่หาไม่ได้ในการซื้อออนไลน์ ฯลฯ หรือการขายสินค้าที่ร้านค้าสมัยใหม่ไม่ขายหรือไม่สามารถบริการได้     ผู้บริโภคจะมองหาคุณค่าของสินค้ามากกว่าราคา คุณค่าที่อาจมาจากประโยชน์จากการใช้ตัวผลิตภัณฑ์เอง หรือมาจากบริการเสริมอื่น ๆ เช่น ค่าขนส่งฟรี การมีบริการสนับสนุนหลังการขาย ฯลฯ

      นอกจากนี้ลูกค้าจะมีความรู้หรือมั่นใจในตัวเองมากขึ้นในเรื่องเกี่ยวกับสินค้าที่จะซื้อ เพราะการหาข้อมูลจะง่ายและรวดเร็ว รวมทั้งการแข่งขันของคู่แข่งต่าง ๆ ทำให้ลูกค้ามีทางเลือกมากกว่าที่ผ่านมา และเทคโนโลยีทำให้มีความสะดวก ง่าย และรวดเร็ว จะส่งผลทำให้ลูกค้ามีความอดทนต่ำในทุกเรื่องมากกว่าที่เคยเป็น และนอกจากนี้คนรุ่นใหม่จะมีการตีคุณค่าในสินค้าและบริการต่างจากคนรุ่นก่อนมาก ความซื่อสัตย์ต่อแบรนด์จะมีน้อยกว่าเดิม เราจะเห็นสินค้าและบริการที่คนรุ่นใหม่ให้คุณค่านั้นจะเป็นการบ่งบอกตัวเองและที่ตนเองพอใจมากกว่าการสร้างการยอมรับจากคนอื่นผ่านตัวสินค้าที่ตนเองใช้หรือแบรนด์ ซึ่งจะเป็นบทท้าทายสำหรับแบรนด์ดังๆ ที่โด่งดังในอดีตจะหมดความนิยมจากคนรุ่นใหม่

     “เราจะเห็นกิจกรรม สินค้า หรือการบริการสำหรับลูกค้าต่างวัย ต่างรุ่น ที่มีความแตกต่างกันจนเห็นได้ชัด ทำให้ธุรกิจต้องกำหนดและเลือกจุดยืนทางการตลาดของตัวเองให้เป็นการเฉพาะเจาะจงมากขึ้น ประเภทกลาง ๆ ทั่ว ๆ ไป จะหาที่ยืนอยู่ยาก”

ทั้งหมดคือการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในปี 2563!!! 

คอลัมน์  :    พื้นที่นี้....Exclusive