ลาทีปีหมู... เผชิญปีหนูอย่างเข้มแข็ง

27 ธ.ค. 2562 | 11:00 น.

คอลัมน์อยู่บนภู ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3535 หน้า 6 ระหว่างวันที่ 29-1 ม.ค.62 โดย... กระบี่เดียวดาย

 

ลาทีปีหมู...

เผชิญปีหนูอย่างเข้มแข็ง

 

     ปี 2563 หรือ 2020 กำลังคืบคลานเข้ามาอีกไม่กี่วันข้างหน้า จะเป็นปีหนูดีหรือหนูร้าย ต้องมาส่องกล้องมองดูกัน สำรวจคาดการณ์ วิเคราะห์แนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในปีหน้ากัน

     อย่างไรก็ดีปีเก่า 2562 ที่กำลังอำลาโรงไปนี้ มีหลายเหตุการณ์ที่เราบอบซํ้าแสนสาหัสไปกับมัน ตั้งแต่ต้นปีมีการประเมินอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ จะโตได้มากกว่า 3% สุดท้ายหน่วยงานเศรษฐกิจทางการอย่างสภาพัฒน์และแบงก์ชาติประเมินตรงกันจบอยู่ที่ 2.8 %

     ว่าที่จริงแล้ว เศรษฐกิจไทยยังมีศักยภาพขยายตัวได้อีกมาก ผู้ว่าการแบงก์ชาติเองประเมินด้วยซ้ำไปว่าเศรษฐกิจไทยโดยเนื้อแท้ขยายตัวได้ 3.5-4 %ทุกปี แต่เมื่อได้แค่ 2.8% จึงกลายเป็นปัญหาสะดุดติดขัดไปหมดทุกหย่อมหญ้า

     ตั้งแต่ต้นปี 2562 เป็นต้นมา สงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน โรมรันพันตูเปิดศึกกันตั้งแต่ยกแรก ต่างฝ่ายต่างงัดมาตรการตั้งกำแพงภาษีกีดกันสินค้าซึ่งกันและกันมาสาดใส่กันอย่างเมามัน ก่อนเจรจาพักรบ สงบศึกเป็นระยะๆ และเริ่มกันใหม่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

     ผลที่ตามมาประเทศเล็กๆ ที่อาศัยการค้าขายแบบเราๆ ได้รับผลกระทบตามไปด้วยและไล่ดีกรีหนักขึ้นจากสินค้าที่เราเคยส่งออกได้ดีกลับหดตัวลง เมื่อส่งออกหดตัวลง กระทบเข้ามาในประเทศ ผลิตสินค้าขึ้นมาก็ขายไม่ออกทั้งสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรม ระทมกันถ้วนหน้าลงไปในระดับครัวเรือนเล็กๆเมื่อขายสินค้าไม่ออก ก็ไม่มีเงินจับจ่ายใช้สอย การบริโภคภายในก็ฝืดเคืองหนักตามลงไปเป็นลูกโซ่ เป็นปัญหาหมุนวนลงไปที่ฐานราก

     เราเผชิญกับขายสินค้าที่ลดลงจากสงครามการค้าแล้ว เงินที่ขายได้ยังลดลงไปอีก เมื่ออัตราแลกเปลี่ยนดอลลาร์สหรัฐฯที่เป็นรายได้เมื่อแลกมาเป็นเงินบาท จากอัตราแลกเปลี่ยน เอาง่ายๆ เดิม 1 ดอลลาร์แลกได้ 32 บาท แต่ค่าเงินแข็งขึ้นแลกได้ 30 บาท ผลก็คือรายได้เงินบาทลดลงไป 2 บาทต่อดอลลาร์ เฉพาะรายได้ส่งออกก็หายไปไม่ตํ่ากว่า 5 แสนล้านบาท แถมตัวเจ้าบาทแข็งนี่แหละ เมื่อเราไปค้าขายกับต่างประเทศการโค้ดราคาขายทำให้สินค้าของเราขายไม่ออกแข่งกับประเทศคู่แข่งไม่ได้ในสินค้าประเภท ชนิดเดียวกัน เรียกว่าโดนคู่แข่งตัดราคากระหนํ่าก็ทำได้ เพราะมีแต้มต่อค่าเงินที่ได้เปรียบกว่า

     ไม่เฉพาะแต่รายได้ส่งออกอย่างเดียว เมื่อค่าเงินบาทแข็งขึ้น พวกนักท่องเที่ยวที่ใช้เงินแล้วได้บริการที่ลดลงเขาก็ไม่มา หนีไปประเทศอื่นนำเงิน ดอลลาร์ ยูโร หยวน ของเขาไปที่เวียดนามในจำนวนเท่ากันแต่ได้รับบริการที่มากกว่า ผลก็คือการท่องเที่ยวแทนที่จะได้เงินต่างประเทศเข้ามามากขึ้น ก็กลับลดน้อยถอยลงไป

 

     ผลก็คือร้านอาหารตามแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่นิยมของคนต่างชาติ กลับขายอาหารได้ลดลง เมื่อขายได้ลดลง ย่อมไปซื้อวัตถุดิบ กะปิ นํ้าปลา มาปรุงอาหารลดลง ชาวบ้านก็ย่อมขายผัก ปลา ลดลงตามไปด้วย เป็นปัญหาที่เชื่อมโยงฝืดเคืองกันไปหมด

     เมื่อการจับจ่ายใช้สอยซื้อขายบริโภคในประเทศฝืดเคือง ผลที่ตามมาก็ไม่มีการลงทุนเพิ่ม ลงทุนใหม่ๆ ของเอกชน คนที่พอมีกำลังก็ไปหาโอกาสลงทุนในต่างประเทศกันไปหมด

     ที่สำคัญอีกประการ ที่ทำให้ฝืดเคืองไปทั่ว ก็มาจากการที่ไม่สามารถอนุมัติงบประมาณใช้จ่ายประจำปีได้ตามเวลาที่วางไว้ หลังจากมีการเลือกตั้ง ตั้งแต่ต้นปีเข้ามาจัดตั้งรัฐบาลเริ่มงานก็เดือนสิงหาคมเข้าไปแล้ว การเบิกจ่ายงบประมาณทำได้ไม่เต็มที่ตามเวลา คาดว่าจะผ่านออกมาใช้ได้เต็มรูปเต็มกำลังก็โน่นกุมภาพันธ์ 2563

     ว่ากันด้วยผลกระทบกระแทกตรงๆ เพียวๆ ไม่นับรวมเรื่องอื่นเรื่องทำการทำงานๆ ที่ปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยีไม่ทัน นั่งขายของอยู่ในตลาดเหงาๆ แต่คนอื่นไปขายทางออนไลน์กันหมด ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งที่สะท้อนอาการแสนสาหัสของปีนี้

     อย่างไรก็ดีในปีหน้า 2563 นี้สิ่งที่หมูน้อยตุหรัดตุเหร่เผชิญเดินผ่านมา จะเกิดในปีหนูกลายเป็นหนูอันตรายหรือไม่ ชวนให้ระทึกยิ่งนัก

     แน่นอนหลายปัจจัยยังคงอยู่ สงครามการค้าอาจคลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้น แต่การบริหารค่าเงินอัตราแลกเปลี่ยนไม่ให้บาทแข็งค่าเกินไปเมื่อเทียบกับคู่แข่งก็ยังอยู่ ถ้าผู้บริหารธนาคารกลางยังยึดกรอบทฤษฎีกอดตำราของตัวเองไว้อย่างเหนียวแน่น ก็ยังคงเป็นความเสี่ยง

     แต่มีหลายสิ่งหลายอย่างที่จะเกิดขึ้นในปี 2563 อย่างน้อยงบประมาณจะผ่านสภาออกมาบังคับใช้เดินหน้าการใช้จ่ายภาครัฐได้อย่างเต็มกำลัง

 

     การลงทุนโครงการใหญ่ๆ ของรัฐ จะเริ่มผลิดอกออกผลจริงจังมากขึ้น มีการเงินลงไปในระบบมากขึ้น

     การลงทุนใหม่ๆนำร่องจากรัฐ ในโครงการประมูล 5 จีจะเกิดขึ้นและจะมีการลงทุนของเอกชนตามมาช่วยครึ่งปีหลังของปีหน้า

     สินค้าเกษตรหลายรายการแนวโน้มกระเตื้องขึ้น ทั้งจากนโยบายของรัฐบาล ผสมผสานกับตลาดต่างประเทศ แต่ต้องวิตกกังวลภัยแล้งที่จะสร้างความเสียหายรุนแรงตามมา

     ไม่หดหู่ไปหมดเสียทีเดียว !!

     แต่ที่น่ากังวลจะเป็นปัจจัยเสี่ยงซํ้า จากปัจจัยการเมือง แน่นอนเสถียรภาพของรัฐบาลประยุทธ์ อาจมีเสียงสนับสนุนที่มากขึ้นในสภาจากวิธีการอะไรก็ตามแต่ จะเป็นงูเห่า หรือฝากเลี้ยงก็แล้วแต่

     อันที่จริงเสถียรภาพที่แม้จริง อยู่ที่ผลงานในการทำงานแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องมากกว่า ถ้ากระเตื้องขึ้นมาหน่อย ปัญหาเสถียรภาพจะคลี่คลายลง

     แต่การนำมวลชนลงท้องถนนของนักการเมือง อันนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่มิอาจมองข้าม บางคนอาจมองว่าทำอะไรไม่ได้ กระแสจุดไม่ติด

     แต่หากมีการชุมนุม ทำกิจกรรม สะสมกำลังไปเรื่อยฯ และหากการลงถนนนำไปสู่ความรุนแรง

     จะเป็นปัจจัยกลับมากระหนํ่าซํ้าเติม

     ได้แต่หวังอย่าให้เป็นหนูผี หนูร้าย หนูที่จ้องโจมตีทำลาย

     ขอให้ทุกท่านเผชิญปีหนู อย่างเข้มแข็ง!! ขอให้เป็นปีหนูดี