หนูไดรโว่ ดูด ส.ส.ต่อรองอำนาจ

24 ธ.ค. 2562 | 11:00 น.

คอลัมน์ที่นี่ไม่มีความลับ ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3534 หน้า 16 ระหว่างวันที่ 26-28 ธ.ค.2562 โดย...เอราวัณ

 

หนูไดรโว่

ดูด ส.ส.ต่อรองอำนาจ

 

     การขับ 4 ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ จนต้องทำให้ทั้ง 4 คน อันได้แก่ ศรีนวล บุญลือ ส.ส.เชียงใหม่, กวินนาถ ตาคีย์ ส.ส.ชลบุรี และ 2 ส.ส.จันทบุรี จารึก ศรีอ่อน และ พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา ต้องหาสังกัดใหม่ภายใน 30 วัน คือภายในวันที่ 16 มกราคม 2563 ซึ่งชัดเจนแล้วว่า 1 ใน 4 คือ ศรีนวล จะย้ายไปสังกัดภูมิใจไทย อีก 3 ไม่ชัด เพราะรอ “ข้อเสนอ” ของพรรคการเมืองร่วมรัฐบาล ส่วน 4 ส.ส.พรรคเศรษฐกิจใหม่มีความชัดเจนระดับหนึ่งเมื่อ สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ พาไป “มอบตัว” กับ บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ

     ทุกพรรคร่วมรัฐบาล กำลังกวาดต้อนส.ส.ฝ่ายค้านเข้าสังกัด ทั้ง กลุ่มที่ “ถูกขับ” และกลุ่ม “งูเห่า” และเตรียมการ “ดูด” ส.ส.จากพรรคอนาคตใหม่ หากพรรคอนาคตใหม่ต้องมีอันเป็นไปด้วยการยุบพรรค ซึ่งในยุทธจักรการเมือง บอกว่าทุกพรรค “ออกตัว” กันแล้ว แต่พรรคที่อาจจะกวาดต้อนส.ส.เข้าพรรคได้มากกว่าพรรคอื่น เป็นพรรคที่มีฐานที่มั่นในภาคอีสานใต้ที่ผู้มากบารมีบัญชาการการ “ดูด” ครั้งนี้ ด้วยการใช้ทรัพยากรอย่างไม่อั้น เพราะต้องการจำนวนตัวเลขผู้แทนฯ ที่เพิ่มขึ้น เพื่อปกป้องเก้าอี้เสนาบดีกระทรวงสำคัญที่ “ปักหมุดไว้” จึงสั่งให้กวาดต้อน ส.ส.ลง “รูหนู” ให้มากที่สุด การเมืองในเรื่องการดูดส.ส.เข้ามาสังกัดรอบนี้จึงหนีไม่พ้นการเมืองแบบ “วงจรอุบาทว์” ที่ใช้เงินเป็นตัวล่อ ว่ากันว่ามีการเสนอแรงจูงใจสูงถึงขนาด “หลัก 20” แล้วหากเป็นเช่นนี้เมื่อมีส.ส.มาก รักษาอำนาจได้ พรรคการเมืองพรรคนี้จะไม่คิด “ถอนทุน” หรือ?

     ส่วนพลังประชารัฐขยับช้าที่จะไปช่วงชิงส.ส.เพิ่มจำนวนให้พรรคตัวเอง เพราะยัง “ละอ่อน” ทางการเมือง มากกว่าพวกเขี้ยวลากดินแห่ง “ปราสาทสายฟ้า” และคิดต่อไปอีก หากตัวเลขคณิตศาตสร์ทางการเมืองเปลี่ยน รัฐบาลลุงตู่รอดพ้นวิกฤตการณ์เสียงปริ่มน้ำ เพราะมีส.ส.ย้ายข้างความห่างของส.ส.ระหว่างฝ่ายค้านกับรัฐบาลจะมากขึ้น จากที่ฝ่ายค้านมี 244 เสียง กับฝ่ายรัฐบาล  254 เสียง จะยิ่งห่างขึ้น คือเป็นฝ่ายค้าน 236 เสียง รัฐบาล 263 เสียง นั่นหมายความว่ามีความต่างกันถึง 27 เสียง  และเมื่อรวมกับที่รัฐบาลได้ใหม่มาจาก สมศักดิ์  คุณเงิน ที่เพิ่งชนะเลือกตั้งเขต 7 ขอนแก่น ทำให้รัฐบาลมีเสียงเป็น 261 เสียง ห่างจากฝ่ายค้าน 27 เสียง ยังไม่นับที่ต้องวัดกันอีก 1 เขตเลือกตั้งในสมุทรปราการ ที่ต้องเลือกตั้งวัดฝีมือกันใหม่ เพราะ กรุงศรีวิไล สุทินเผือก ได้ใบเหลือง

     ถ้าหากพลังประชารัฐกลับเข้ามาได้เหมือนเดิม คะแนนระหว่างพรรคฝ่ายค้าน & พรรครัฐบาลจะเพิ่มความห่างไปอีก ทำให้อาการหวาดเสียวต่อการประชุมสภาลดลงไปทันที แต่คณิตศาสตร์การเมืองแบบนี้จะก่อให้เกิดปัญหาในรัฐบาลขึ้นมาใหม่ นั่นคือการต้องคำนวณสัดส่วน รัฐมนตรีต่อ ส.ส.ที่แต่ละพรรคมีใหม่ ทีนี้คนเป็นรัฐมนตรีก็ต้องหนาวๆร้อนๆ อีกระลอก ว่าใครจะถูกปรับออก เพื่อจัดการ “สัดส่วนใหม่” แรงกระเพื่อมภายในจะเกิดขึ้นอีกระลอก และแรงกระเพื่อมภายในนี้เองจะกำหนดความมั่นคงและเสถียรภาพของรัฐบาล ไม่ใช่ฝ่ายค้านที่ดำรงบท “ค้านไม่เป็น” อยู่ขณะนี้