มิงกะลาบา...สวัสดีพม่า ประเทศที่ผู้หญิงและผู้ชายนุ่งโสร่ง ประเทศที่ทหารมีอำนาจสูงสุด สัปดาห์ที่แล้วมีโอกาสได้ร่วมคณะกับเพื่อนร่วม “รุ่น” สมัยมัธยม (ข.ก.๑/2514) ไปไหว้พระและสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดของพม่าหรือเมียนมา
วันนี้ เลยจะนำสิ่งที่ไปพบเห็นมาเล่าสู่ท่านผู้อ่านตามสมควรแก่พื้นที่คอลัมน์ เพราะไปครั้งนี้ได้ไปเยือนหัวเมืองหลักหลายเมือง อาทิ ย่างกุ้ง (อดีตเมืองหลวง) หงสาวดี ก่อนตบท้ายด้วยมัณฑะเลย์...
ส่วนพระและสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สูงสุดของชาวพม่าก็ได้ไปหลายแห่ง ตั้งแต่พระมหาเจดีย์ชเวดากอง พระธาตุอินทร์แขวน พระมหาธาตุเจดีย์ชเวมอดอ หรือพระธาตุมุเตา และร่วมพิธีล้างหน้าพระมหามัยมุนี
ขาดก็แต่เพียงพระมหาธาตุเจดีย์ชเวซีโกน (เมืองพุกาม) เท่านั้น ที่ไม่ได้ไปสักการะ เลยไม่ครบ 5 สิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดแห่งพม่า แต่เท่านี้ก็อนุโมทนาบุญให้แก่ชีวิตสูงสุดแล้ว
พม่าวันนี้ เปลี่ยนแปลงไปเยอะครับ ไม่เหมือนที่ได้ไปเห็นมาเมื่อสัก 20 ปีก่อน ที่เห็นได้ชัดเจน คือ เมืองย่างกุ้งที่กลายเป็นเมืองที่ขยายใหญ่โตขึ้น จากเมืองหลวงเล็กๆ เงียบสงบ แต่ปัจจุบันคึกคักด้วยรถราและผู้คน
รถติดในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน...รวมทั้งยังมีโรงแรมที่พักสำหรับบริการนักท่องเที่ยวที่เกิดขึ้นมากมาย ตั้งแต่โรงแรมเล็กๆ ไปจนถึงโรงแรมขนาด 5 ดาวที่ผุดเพิ่มขึ้นอีกหลายแห่ง
แต่สภาพโดยรวมกว่าพม่าหรือเมียนมาจะเจริญเทียบเท่าเพื่อนบ้านในกลุ่มอาเซียน (บางประเทศ) รวมทั้งประเทศเรา คงต้องใช้เวลาอีกนาน แม้รัฐบาลเมียนมา มีนโยบายให้คนออกไปทำงานต่างประเทศมากขึ้น (ปัจจุบันมีคนพม่าไปทำงานในเกาหลี และ ไทย ประมาณ 10 ล้านคน)
เพราะคนที่ไปทำงานนำเงินเข้าประเทศ ไม่มากพอที่จะนำมาพัฒนาประเทศได้ รวมทั้งการเข้ามาลงทุนของจีนด้วย การจะทำให้ชาติเจริญก้าวหน้าได้ ต้องเริ่มต้นที่การปราบทุจริตคอรัปชั่น การเมืองต้องนิ่ง รวมทั้งการสร้างความปรองดองของชนกลุ่มน้อยกว่า 135 เผ่าให้เป็นเนื้อเดียวกันให้ได้ก่อน
ทำให้ภายในประเทศสงบ ปราศจากการสู้รบ จากนั้นจึงเร่งปรับปรุงส่งเสริมการท่องเที่ยวต่างๆ ให้ได้มาตรฐาน รวมทั้งเร่งพัฒนาสาธาณูปโภค สร้างสนามบินใหม่ที่สามารถรองรับผู้โดยสารมากกว่า ปัจจุบันด้วย
ที่สำคัญ ผู้นำประเทศในปัจจุบันก็ต้องเร่งปลด “ล็อก” ข้อกล่าวหาต่างๆ โดยเฉพาะวิบากกรรมที่จะถูกนานาชาติควํ่าบาตรจากวิกฤติ “โรฮิงญา” ในรัฐยะไข่ ที่ทหารพม่าถูกกล่าวหาว่ากระทำการโหดร้ายป่าเถื่อนต่อชาวมุสลิมโรฮิงญา
ล่าสุด คณะสอบสวนค้นหาข้อเท็จจริงของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ได้มีการเผยแพร่รายงานเรียกร้องให้รัฐบาลเมียนมา ปลดพลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผบ.สูงสุด และขอให้กองทัพเมียนมา เลิกยุ่งเกี่ยวกับการเมืองและการบริหารประเทศ
ขณะที่ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน นางอองซาน ซูจี ก็ได้เดินทางไปศาลโลกที่กรุงเฮก ประเทศ เนเธอร์แลนด์ ขึ้นศาลเพื่อชี้แจงกรณีรัฐบาลเมียนมาถูกฟ้องร้องเรื่องฆ่าล้างเผ่าพันธ์ุชาวมุสลิมโรฮิงญา
เจอทั้งศึกนอกและศึกในเช่นนี้ ก็ยากที่เพื่อนบ้านประเทศนี้ จะพัฒนาจนเจริญก้าวหน้าทัดเทียมเพื่อนบ้านอาเซียนประเทศอื่นแล้ว (เรื่องพม่ายังไม่จบครับสัปดาห์หน้ามาว่าต่อตอน 2 นะครับ)
คอลัมน์อยู่กับปัจจุบัน โดย... พงษ์ศักดิ์ ศรีสด
หน้า 14 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,531 วันที่ 15-18 ธันวาคม 2562