ภาคธุรกิจจี้มหาดไทยจัดระเบียบโรงแรมเถื่อน

ภาคธุรกิจจี้มหาดไทยจัดระเบียบโรงแรมเถื่อน

          .....วงการโรงแรมร้อนฉ่า เมื่อเชนโรงแรมยักษ์ใหญ่ไมเนอร์กรุ๊ป ออกตัวแรง !!! จี้ให้รัฐบาลจัดระเบียบ "Airbnb” ห้องพักประเภท โฮมแชริ่ง คอนโดมิเนียมที่เปิดขายนักท่องเที่ยวแบบรายวันกันเกลื่อนเมืองอย่างผิดก.ม. “วิลเลี่ยม เอ็ลล์วู๊ด ไฮเน็ค” อดรนทนไม่ไหว เรียกฝ่ายก.ม.มาหารือ ก่อนที่จะร่อนจดหมายเปิดผนึกส่งตรงถึงบิ๊กมหาดไทย “พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา” และยังสำเนาถึงนายกรัฐมนตรี รมต.ที่เกี่ยวข้อง นายกสมาคมโรงแรมไทย ททท. สภาพัฒน์ รวมถึงแบงก์ออมสิน ร่ายยาว 2 หน้ากระดาษ เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหานี้อย่างเร่งด่วน ก่อนที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะ “เสี่ยง” มากกว่านี้

          .....จดหมายเปิดผนึกของ “บิ๊กไมเนอร์” เท่ากับตีแสกหน้ารัฐบาลที่ปล่อยโรงแรมเถื่อน โรงแรมผีผุดเป็นดอกเห็ด อย่างไร้ซึ่งมาตรการกำกับดูแล ทั้งที่ประเทศไทยที่ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวนิยมอันดับต้น ๆ ของของโลก แต่กลับไม่มีกฎหมาย บังคับที่อยู่อาศัยเช่ารายวัน และยังสวนกับนโยบายที่รัฐบาล “ส่งเสริม” ผู้ประกอบการรายย่อย แต่กลับไม่มีก.ม.ควบคุม ซึ่งอาจจะทำให้ชาวบ้านเข้าใจคลาดเคลื่อน ประเด็นที่ “บิล” เป็นห่วงอีกเรื่องความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ทั้งไฟไหม้ และการตรวจสอบตัวตนนักท่องเที่ยวเป็นใครมาจากไหน ซึ่งปกติจะต้องส่งข้อมูลให้ ตม.ภายใน 24 ชม. สิ่งเหล่านี้เมื่อเกิดปัญหาจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของไทยมาก

          .....อีกประเด็นที่มีการพูดถึงกันมากคือการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม เพราะห้องพักที่นำมาขายรายวันเหล่านี้ “ไม่เสียภาษี” แต่โรงแรมต้องใช้เงินลงทุนมาก เสียภาษีอย่างถูกต้อง และยังมีอีกหลายประเด็นเป็นปัญหาคาราคาซังในวงการท่องเที่ยวมาช้านาน แต่ไม่มีเอกชนรายใดกล้าพูดดัง ๆ เพราะเกรงใจรัฐบาล ที่ต้องการกระจายรายได้สู่รากหญ้า จึงได้แต่บ่นๆ กันตามวงกาแฟทั้งที่ตัวเลขเห็นกันชัด ๆ ว่าต่างชาติเข้ามาเที่ยวเมืองไทยเกือบ 40 ล้านคนต่อปี แต่ตัวเลขอัตราเข้าพักโรงแรมกลับไม่กระเตื้อง ยกเว้นบางพื้นที่และบางช่วงเท่านั้น
 

          .....ฉะนั้นการเปิดหน้าออกมาชนกับมหาดไทยของเชนยักษ์ใหญ่ตรง ๆ แบบนี้น่าเป็นแรงกระเพื่อมให้รัฐบาลออกมาแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างจริงจัง จัดแถวโรงแรมเถื่อนเข้า “ระบบ” เก็บภาษีให้ถูกต้องเพื่อการแข่งขันที่เป็นธรรมทางการค้า เพราะทุกฝ่ายยอมรับว่าคงฝืนเทรนด์โลกและพฤติกรรมนักท่องเที่ยวที่หันมานิยมใช้บริการ “Airbnb” ไม่ได้แต่ รัฐบาลก็ต้องมีความชัดเจนในการควบคุมให้ได้มาตรฐาน ปลอดภัย และจ่ายภาษีถูกต้องนี่คือสิ่งที่ทุกฝ่ายอยากเห็น

          .....ก่อนหน้านั้นสมาคมโรงแรมไทยก็มีความเคลื่อนไหวออกมาฮึ่มๆ นัดถกเรื่องนี้กระทรวงมหาดไทยและนัดหมายกันวันที่ 16 ธันวาคมนี้ แต่ถูก “ไมเนอร์” ตัดหน้าเปิดธงรบเสียก่อน โดย THA ออกตัวว่าไม่ "ต้าน” Airbnb หรือโฮมแชริ่ง แต่ต้องการให้จัดระเบียบแก้กฎกระทรวง แก้กฎหมายเพื่อให้เอื้อต่อการยื่นจดทะเบียนเพราะหากยึดเงื่อนไข พ.ร.บ.โรงแรมฯ  ที่แสนจะโบราณ เป็นเรื่องยากที่จะเข้าเงื่อนไข

          .....ดังนั้นประเด็นที่สมาคมโรงแรมไทยจะหารือกับบิ๊กมหาดไทยมี 2 เรื่อง คือแก้ไข พ.ร.บ.โรงแรมกับเรื่องการบังคับใช้ก.ม.เพื่อความปลอดภัยนักท่องเที่ยว เพราะเป็นห่วงต่อภาพลักษณ์ของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่เหลืออยู่เครื่องยนต์เดียวในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศประเด็นที่ต้องการให้แก้ไข อาทิ คำนิยามของห้องพักที่เปิดให้บริการในรูปแบบใหม่ๆ เช่น โรงแรม “แคปซูล” ที่จะต้องกำหนดขนาดของห้องพักใหม่ให้ลดลงกว่าปกติ “เต็นท์” หรือที่พักประเภทแพที่จะเคลื่อนที่ไปมา ต้องมีใบอนุญาตจากกรมเจ้าท่า หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และต้องกลับมาพักค้างคืนที่เดิม เป็นต้น

          .....นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่องของการเพิ่มเติมตามพ.ร.บ.โรงแรมมาตรา 15 / 1 โดยเพิ่มข้อกำหนดว่า สถานประกอบการที่จะขายห้องพักผ่านเว็บไซต์ต่าง ๆ ต้องมีใบอนุญาตที่ถูกต้องตามกฎหมายด้วย ซึ่งหากทำได้จริงจะเป็นเรื่องใหญ่ของวงการกันเลยทีเดียว และยังเท่ากับเป็นการบีบทางอ้อมให้เจ้าของต้องไป “จดแจ้ง” ต่อนายทะเบียน ให้ถูกต้องตามก.ม. ซึ่งก็หมายถึงเป็นการบังคับให้เจ้าของห้องเช่าต้องแจ้งชื่อผู้พักอาศัยต่อตม.ภายใน 24 ชม.อีกด้วย

          .....เหล่านี้เป็นประเด็นที่ตั้งท่าจะหารือกัน ซึ่งหากมหาดไทยเห็นถึงความสำคัญของปัญหาเหล่านี้เรื่องคงง่ายขึ้นเพราะมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับโรงแรมอีกหลายพ.ร.บ. ที่สามารถ “งัด” มาบังคับใช้ได้ เช่น ก.ม.ควบคุมอาคาร เป็นต้น งานนี้จึงต้องวัดใจกันละว่า “รัฐบาลนี้” จะเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ เหมือนที่ผ่านมาหรือไม่ หรือรอให้เจ้าสัวโรงแรมออกมาประท้วงเหมือนในฝรั่งเศส รอดูว่ารัฐบาลจะมีน้ำยาปราบโรงแรมเถื่อนไหม?