สดุดี ‘ป๋าเปรม’ ผู้นำแบบนี้ที่หาได้ยาก

12 ธ.ค. 2562 | 04:35 น.

 

วันอาทิตย์ที่ 8 ธันวาคม 2562 เป็นอีกวันที่ต้องบันทึกในประวัติศาสตร์ของแผ่นดินไทย อันเนื่องมาจากมีพิธีพระราชทานเพลิงศพบุคคลสำคัญ “พลเอกเปรม ติณสูลานนท์” อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เป็นพิธีที่จัดยิ่งใหญ่และสมเกียรติ

ก่อนหน้านั้น 1 วัน ผมมีโอกาสไปนั่งฟังการเสวนาหนังสือ “พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ : รัฐบุรุษคู่แผ่นดิน” ได้ฟัง เกษมสันต์ วีระกุล ประธานกรรมการ บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด (มหาชน) และ ประพันธุ์ คูณมี อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ สดุดีคุณงามความดี และบอกเล่าถึงผลงานที่น่าทึ่งของพลเอกเปรม ชนิดที่ว่าตลอดเวลา 1 ชั่วโมงครึ่งของการฟัง นักข่าวอย่างผมเองยังทึ่งประทับใจไปด้วย

นำมาเล่าต่อโดยพอสรุป อาจารย์เกษมสันต์ ยกย่อง “ป๋าเปรม” เป็นผู้นำที่เป็น The Special One ผู้สร้างความเปลี่ยน แปลงให้ประเทศไทยในช่วง 8 ปีที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนที่ 16 ระหว่างปี 2523-2531 แม้ว่าตัวเองไม่มีโอกาสได้ทำงานด้วยโดยตรง แต่ได้สัมผัสและรับรู้ผลงานและความดีในฐานะที่เป็นศิษย์เก่าโรงเรียนสวนกุหลาบฯ สามารถแก้ปัญหาความยากจน แก้ปัญหาคอมมิวนิสต์ ทั้งที่ในอดีตเป็นนายทหารบ้านนอก แต่ได้รับการยินยอมจากพรรคการเมืองขอร้องให้เข้ามาบริหารประเทศในฐานะนายกรัฐมนตรีดำรงตำแหน่งถึง 8 ปี

เพราะต้องยอมรับว่าในช่วงที่พลเอกเปรมเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี ประเทศมีปัญหารุมเร้ามาก ทั้งการเมือง เศรษฐกิจฐานะการคลังอ่อนแอ แต่ด้วยความที่พลเอกเปรม เป็นคนที่ใช้งานคนเป็น ตัวเองไม่เก่งด้านไหนก็จะขอให้คนที่เก่งกว่ามาช่วย อย่างเช่น ด้านเศรษฐกิจมหภาค ที่มีนักเศรษฐศาสตร์ชั้นเซียนทำงานด้วยจนแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้

รวมทั้งยังเป็นผู้ริเริ่มแนวทางเศรษฐกิจหลายเรื่อง เช่น ตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) ตั้งครม.เศรษฐกิจ ส่วนด้านการเมืองก็ใจกว้างพอที่จะคุยกับคนที่มีความเห็นแตกต่าง และเรื่องของการปราบปรามทุจริตในรัฐบาล เพียงแค่ป๋าได้ยินว่าคนในครม. คนรอบตัวมีการทุจริตสีเทาๆ แค่มีเสียงนินทาให้ได้ยิน โดยไม่ต้องรอใบเสร็จก็สั่งปลดและจัดการทันที

“พลเอกเปรมยังเป็นนักวางกลยุทธ์ นักสื่อสาร นักเจรจาชั้นเซียนทั้งในประเทศและต่างประเทศ สามารถขอให้ผู้นำชาติหนึ่งไปบอกผู้นำอีกชาติหนึ่ง อย่างเช่น ขอนายกรัฐมนตรีอังกฤษไปบอกโซเวียต บอกผู้บริหารของจีนให้มาช่วยแก้ปัญหาในเวียดนาม ซึ่งก็สามารถเจรจาจนแก้ปัญหาได้”

 

ด้าน คุณประพันธุ์ ซึ่งมีโอกาสได้ทำงานและเข้าออกบ้านสี่เสาฯ เล่าเสริมว่าเห็นด้วยว่าพลเอกเปรมเป็นคนที่ใช้งานคนที่เก่งกว่าในเรื่องที่ตัวเองไม่เก่ง อย่างเช่น เรื่องเศรษฐกิจ รวมทั้งกฎหมายที่จะเชิญผู้รู้มาอธิบายให้ตัวเองเข้าใจอย่างถ่องแท้แตกฉาน เพื่อให้ได้มุมมองที่หลากหลายในการแก้ไขปัญหาในแต่ละเรื่อง แล้วพลเอกเปรมจะเป็นคนฟันธงว่าจะไปทางไหน ซึ่งส่วนใหญ่เกิน 99% จะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง

“เป็นผู้นำที่เป็นนักเจรจาระดับเวิลด์คลาส เป็นคนไทยที่เป็นต้นแบบที่ผู้นำประเทศควรนำไปเป็นแบบอย่างทุกด้าน ขนาดตัวเองที่เคยอยู่กันคนละฝ่ายในยุคที่เข้าป่า ก็สามารถกลับมายกมือไหว้และทำงานร่วมกันได้อย่างสนิทใจ เพราะเป้าหมายเรารักประเทศไทยเหมือนกัน”

ตอนท้ายของการเสวนา ทั้ง 2 ท่านฟันธงว่า ปัจจุบันยังมองไม่เห็นบุคคลที่จะเป็น “ป๋าเปรม 2” ได้ อย่าง อาจารย์เกษมสันต์ บอกว่า ไม่รู้อีก 30 ปี จะมีหรือไม่ ส่วนคุณประพันธุ์ ก็เสริมว่า แม้ว่าปัจจุบันจะหาคนแบบพลเอกเปรมได้ยาก แต่เชื่อว่า “รัตนโกสินทร์ไม่สิ้นคนดี” สถานการณ์มักจะสร้างวีรบุรุษให้เกิดขึ้นเสมอในยามประเทศคับขัน 

 

อินไซด์สนามข่าว โดย จีรพงษ์ ประเสริฐพลกรัง

หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3530 หน้า 14 วันที่ 12 -14 ธันวาคม 2562