ต้านทุจริตเริ่มที่ตัวเอง

11 ธ.ค. 2562 | 10:00 น.

บทบรรณาธิการ ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3530 หน้า 6 ระหว่างวันที่ 12-14 ธ.ค.62 


ต้านทุจริตเริ่มที่ตัวเอง


          “ข้าพเจ้า ขอประกาศเจตนารมณ์ว่า จะประพฤติปฏิบัติตน ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่กระทำการทุจริต จะยึดมั่นในความยุติธรรม ยึดถือประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน จักปกป้องเทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยจิตอาสา พร้อมทำความดี ด้วยหัวใจ ตลอดไป” เป็นคำมั่นสัญญาของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ให้ไว้เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2562 ในระหว่างการไปเปิดงานการประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านการทุจริต เนื่องในวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล (International Anti-Corruption Day)

          รัฐบาลร่วมกับสำนักงาน ป.ป.ช. สำนักงาน ป.ป.ท. องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) และภาคีเครือข่ายภาคประชาสังคมได้ร่วมกันจัดงานวันต่อต้านคอร์รัปชันฯ เพื่อเป็นการแสดงจุดยืนร่วมกันของคนไทย และทุกภาคส่วนในสังคม ในการต่อต้านการทุจริต และตระหนักถึงภัยร้ายแรงของปัญหาคอร์รัปชัน ซึ่งถือเป็นปัญหาร้ายแรงที่ส่งผลเสียหายต่อประเทศ จำต้องสร้างจิตสำนึกและความร่วมมือโดยเฉพาะในช่วงที่ประเทศไทย ที่กำลังเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่านสู่สิ่งที่ดีกว่าในทุกมิติ ซึ่งถือว่ามีความจำเป็นที่ทุกฝ่ายต้องมีส่วนร่วมในการต่อต้านการทุจริต ซึ่งถือเป็นภัยร้ายแรงส่งผลเสียต่อประเทศ และทำให้การพัฒนาประเทศเป็นไปได้ช้า

          รัฐบาลได้กำหนดนโยบายเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ ทั้งฝ่ายการเมืองและฝ่ายราชการประจำ โดยได้ดำเนินการพัฒนา ปรับปรุงกฎหมายต่างๆ ให้ครอบคลุม และเป็นเรื่องที่ต้องแทรกอยู่ในการปฏิรูปทุกๆ ด้าน ทั้งในเรื่องความโปร่งใสในการดำเนินงานของภาครัฐ ส่งเสริมให้กระบวนการยุติธรรมปราศจากการแทรกแซงของนักการเมืองและผู้มีอิทธิพล ตลอดจนการกำหนดให้มีการลงโทษผู้กระทำผิดกรณีทุจริตและประพฤติมิชอบอย่างจริงจังและรวดเร็ว ทุกฝ่ายต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการช่วยตรวจสอบและเฝ้าระวังและต้องเชื่อมั่นในกฎหมายเป็นสิ่งสำคัญ

          รัฐบาลกำหนดยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะที่ 3 พ.ศ. 2560 - 2564 มีเป้าหมายให้ “ประเทศไทยใสสะอาด ไทยทั้งชาติต้านทุจริต” โดยมุ่งหวังให้ระยะ 5 ปีข้างหน้า จะเป็นการปฏิรูปกระบวนการทำงานจากเดิม ไปสู่กระบวนการทำงานแบบบูรณาการทั้งระบบ แม้ปัจจุบันสถานการณ์การทุจริตในประเทศไทยดีขึ้นหลายมิติ แต่ต้องเดินหน้าแก้ปัญหาต่อเนื่อง สิ่งสำคัญเรื่องกฎหมายที่ต้องมีการแก้ไข ปรับปรุงให้ทันสมัยต่อสากล แต่คนทุจริตหาช่องโหว่กฎหมายจนได้ ทุกคนต้องมีจิตใจเริ่มจากตัวเองก่อน อย่าทำอะไรที่เป็นการทุจริต หากทำได้ลดความขัดแย้งได้มาก และกฎหมายก็จะได้รับความเชื่อถือ

          มิอาจปฏิเสธได้ว่าการทุจริตคอร์รัปชัน เป็นมะเร็งร้าย กัดกินของสังคมไทยมาช้านาน ลุกลามไปทุกวงการ และเป็นบ่อเกิดของหลุมดำแห่งความชั่วร้ายไปหลายๆ เรื่อง โดยเฉพาะความเหลื่อมลํ้าที่ถ่างห่างมากขึ้นกลายเป็นช่องว่างระหว่างชนชั้น ฐานะ ย้อนกลับไปกดดันและสะสมอยู่ในหมู่ประชาชนโดยเฉพาะฐานรากและย้อนกลับมาเป็นความขัดแย้งทางการเมือง การแก้ปัญหาจึงจำเป็นต้องดำเนินการในทุกภาคส่วน ทั้งในเชิงโครงสร้างและตัวบุคคล โดยเฉพาะตัวบุคคลที่เป็นหน่วยเล็กสุดของสังคมต้องสร้างสำนึกในตัวเอง ไปสู่ครอบครัว ชุมชน ไปสู่ระดับองค์กร ทั้งรัฐและเอกชน ต้องจริงจังขจัดคอร์รัปชันก่อนชาติพังทลาย