หนี้เสียบริษัทจีนพุ่ง แต่ไม่มีอะไรน่าตกใจ

11 ธ.ค. 2562 | 03:00 น.

 

เป็นเรื่องปกติของการวิเคราะห์ตัวเลขเศรษฐกิจจีน ที่เมื่อมองตัวเลขโดดๆ เหมือนมีจำนวนสูงมาก แต่เมื่อพิจารณาภาพรวมแล้วพบว่ายังเป็นสัดส่วนน้อย ทำให้นักวิเคราะห์วิจารณ์ต่างๆ สามารถพูดถึงเศรษฐกิจจีนให้เป็นไปได้ทั้งภาพลบและภาพบวก

เรื่องหนี้เสียของบริษัทจีนก็เช่นเดียวกัน ถึงแม้ในปีนี้มีจำนวนพันธบัตรที่ผิดนัดชำระหนี้เพิ่มขึ้นมากกว่าปีที่แล้ว 15% และเป็นเงินจำนวนกว่า 16.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ธุรกิจที่มีปัญหาหนี้เสียขยายวงกว้างมากขึ้น จำนวนรัฐวิสาหกิจที่ผิดนัดก็เพิ่มขึ้น แต่ทั้งหมดยังอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ และจะไม่กลายเป็นความเสี่ยงเชิงระบบของเศรษฐกิจจีน

หนี้เสียและพันธบัตรผิดนัดชำระสูงเป็นประวัติการณ์ -ใน 11 เดือนแรกของปี ค.ศ. 2019 มีพันธบัตรจีนผิดนัดชำระหนี้เป็นจำนวนรวมถึง 113.9 พันล้านหยวน หรือประมาณ 16.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในจำนวนนี้เป็นการผิดนัดของพันธบัตรจำนวน 135 พันธบัตร ออกโดย 55 บริษัท เทียบกับปีที่แล้วมีจำนวนพันธบัตรผิดนัดเพิ่มขึ้น 15% แต่ยอดผิดนัดทรงตัวเท่าเดิมแต่มีแนวโน้มสูงขึ้นไปอีก

อนึ่งปี ค.ศ. 2018 เป็นปีแรกที่การผิดนัดชำระหนี้พันธบัตรกระโดดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด เมื่อหันมาพิจารณาหนี้เสียของภาคธนาคารพาณิชย์ พบว่าอัตรา NPL ของธนาคารระดับท้องถิ่น (ได้แก่ธนาคารระดับเมือง และธนาคารชนบท) มีอัตราเพิ่มขึ้นแบบอัตราเร่งในปีนี้ กล่าวคือธนาคารระดับเมือง มีอัตรา NPL เฉลี่ยกระโดดไปที่ 2.48% ในไตรมาสที่ 3 ปีนี้ ส่วนธนาคารชนบท มีอัตรา NPL อยู่ที่ 4.0% ซึ่งสูงในระดับนี้มาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ซึ่งทั้ง 2 ตัวเลขนี้ อยู่ในระดับที่สูงสุดในรอบ 10 ปี อย่างไรก็ตาม อัตรา NPL ของธนาคารขนาดใหญ่ (ได้แก่ธนาคารในกลุ่ม big four และธนาคารที่อยู่ในกลุ่มที่เรียกว่าธนาคาร joint stock) ยังมีสัดส่วน NPL ในระดับต่ำอยู่

หนี้เสียบริษัทจีนพุ่ง  แต่ไม่มีอะไรน่าตกใจ

 

 

ธุรกิจที่มีปัญหาขยายวงกว้างจากพิษสงครามการค้า -หมวดธุรกิจที่ผิดนัดชำระมีการขยายวงกว้างมากขึ้นจากปีที่แล้ว โดยกลุ่มธุรกิจที่มีการผิดนัดชำระมากที่สุด 5 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรมทั่วไป กลุ่มผลิตสินค้าทั่วไป กลุ่มเคมีภัณฑ์ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มเหมืองแร่และเหล็ก เทียบกับปีที่แล้วกลุ่มอุตสาหกรรมที่ผิดนัดชำระกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มถ่านหิน กลุ่มสินค้าอุปโภคประเภท discretionary และโรงกลั่น 

ประกอบกับตัวเลข NPL ของธนาคารขนาดเล็กที่กระโดดขึ้น เราเห็นได้ว่าภาคธุรกิจผลิตสินค้าทั่วไป และธุรกิจ SMEs ของจีนกำลังประสบปัญหาสภาพคล่องอย่างรุนแรงมากขึ้น เหตุผลหนึ่งมาจากพิษของสงครามการค้า นอกจากนี้ ยังพบว่ารัฐบาลจีนก็ยอมปล่อยให้รัฐวิสาหกิจผิดนัดชำระหนี้ด้วย โดย 5 บริษัทในจำนวน 55 บริษัทที่ผิดนัดเป็นรัฐวิสาหกิจ

เศรษฐกิจจีนถดถอยรุนแรง -ผู้เขียนมักติดตาม 3 ตัวเลขเพื่อประเมินสภาวะเศรษฐกิจจีนได้แก่ ตัวเลขอัตราการเปลี่ยนแปลงของระดับกำไรของภาคอุตสาหกรรม ตัวเลขการเปลี่ยนแปลงการผลิตกระแสไฟฟ้า และตัวเลขยอดค้าปลีก ซึ่งก็พบว่า กำไรของภาคอุตสาหกรรมในปีนี้ตกลงตํ่าสุดในรอบ 10 ปี คือล่าสุดเดือนตุลาคม ลดลง 9.9% ปีต่อปี 

ในขณะที่ยอดค้าปลีกในเดือนตุลาคมก็เติบโตเพียง 7.2% ปีต่อปี ส่วนการผลิตกระแสไฟฟ้าถึงแม้ไม่ได้อยุ่ในจุดที่ตํ่าสุดแต่ก็มีการเติบโตเพียง 4% ในเดือนล่าสุดที่ผ่านมา แต่การอัดฉีดสภาพคล่องทำได้แบบมีข้อจำกัดเพราะว่าราคาสินค้าบริโภคอันเป็นต้นเหตุมาจากราคาหมูได้ถีบตัวสูงขึ้น ดังนั้นปัญหาหนี้ผิดนัดชำระจะยังคงเพิ่มขึ้นในปีหน้า (ดูกราฟิกประกอบ)

แต่มองในภาพรวมยังอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ - ถึงแม้จำนวนการผิดนัดชำระหนี้ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากสภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยอย่างรุนแรง ผู้เขียนมองว่าทั้งหมดยังอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ โอกาสที่จะกลายเป็นความเสี่ยงเชิงระบบอยู่ในระดับตํ่า ทั้งนี้เพราะจำนวนพันธบัตรที่ผิดนัดในปีนี้คิดแล้วเป็นสัดส่วนเพียง 0.1% ของตลาดพันธบัตรวิสาหกิจในจีนเท่านั้น (ไม่รวมพันธบัตรรัฐบาล) จำนวนบริษัทที่ผิดนัดถือว่าน้อยมากเทียบกับขนาดของเศรษฐกิจจีนทั้งประเทศ และปัญหาหนี้เสียกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มเศรษฐกิจเก่า

ตัวจักรผลักดันเศรษฐกิจจีนในทศวรรษหน้าจะเป็นกลุ่มธุรกิจไฮเทคและภาคการบริโภคแนวใหม่เพิ่มขึ้นมาก ผู้เขียนเชื่อว่าการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจของจีนกำลังเป็นไปในทิศทางที่ถูกต้อง และได้ดำเนินการมากว่า 10 ปีแล้ว ข้อมูลที่น่าจะสนับสนุนในจุดนี้ได้คือตัวเลขดัชนีรายเดือน PMI กล่าวคือดัชนี PMI โดยรวมอยู่ในระดับ 50 หรือตํ่ากว่าเป็นส่วนมากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา (ดัชนีตํ่ากว่า 50 แสดงถึงภาวะถดถอยเทียบกับเดือนก่อน) แต่ดัชนี PMI ที่ไม่ใช่ภาคการผลิตอยู่ในระดับที่ไม่เคยตํ่ากว่า 50 เลยในช่วงกว่า 10 ปี

 

ควรเชื่อรัฐบาลจีน - นอกจากนี้ รัฐบาลจีนถือว่ามีประวัติการจัดการกับปัญหาหนี้ต่างๆ ในระยะกว่า 10 ปีที่ผ่านมาได้อย่างดี ตั้งแต่ปัญหาหนี้รัฐบาลท้องถิ่น ปัญหาเงินกู้นอกบัญชีของธนาคารพาณิชย์ ปัญหาหนี้ P2P ในแต่ละปัญหาในขณะนั้นก็มีผู้วิจารณ์ว่าจะบานปลายกลายเป็นวิกฤติทั้งระบบ

สำหรับธุรกิจไทยเอง ต้องประเมินว่ากำลังทำธุรกิจหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับภาคส่วนไหนของเศรษฐกิจจีน หากมีปฏิสัมพันธ์กับภาคเศรษฐกิจเก่าที่กำลังถดถอยก็จะประสบปัญหาเพิ่มมากขึ้นแบบกู่ไม่กลับ แต่มีอีกหลายภาคส่วนของตลาดจีนที่กำลังให้โอกาสการเติบโตในเชิงโครงสร้างได้อย่างต่อเนื่อง สุทธิแล้วเศรษฐกิจจีนจะยังคงเดินหน้าต่อไปถึงแม้ในอัตราที่ถดถอย

คอลัมน์ : ลอดลายมังกร

โดย : มาณพ เสงี่ยมบุตร 

ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่  ผู้บริหารสายงาน China Business ธนาคารไทยพาณิชย์

หน้า 4 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3530 วันที่ 12-14 ธันวาคม 2562

เกี่ยวกับผู้เขียน : 

มีประสบการณ์เกี่ยวกับการลงทุน และการเงินในประเทศจีนกว่า 15 ปี  ในอดีตเคยเป็นนักวิเคราะห์หุ้นจีน เอ แชร์ และข้าราชการกระทรวงการคลัง 

จบการศึกษาปริญญาตรีด้านสารสนเทศการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 

ปริญญาโท MBA มหาวิทยาลัยคาร์เนกี เมลลอน สหรัฐอเมริกา

 

หมายเหตุ : ความเห็นในบทความนี้เป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ไม่เกี่ยวข้องกับองค์กรที่ผู้เขียนสังกัดอยู่แต่อย่างใด ผู้อ่านสามารถแสดงความเห็นได้ที่ facebook: manop sangiambut