ภารกิจเพื่อชาติ ของนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

05 ธ.ค. 2562 | 11:00 น.

คอลัมน์ข้าพระบาททาสประชาชน ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3528 หน้า 6 ระหว่างวันที่ 5-7 ธ.ค.2562 โดย... ประพันธุ์ คูณมี

 

ภารกิจเพื่อชาติ

ของนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

 

วันนี้มีการจัดตั้งรัฐบาลภายหลังการเลือกตั้งทั่วไป เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 ตามระบอบประชาธิปไตย ได้แล้ว โดยมีคณะรัฐมนตรีคณะที่ 62 หรือคณะรัฐมนตรีประยุทธ์ 2 เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2562 มีพรรคพลังประชารัฐ ที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลผสม ที่รวบรวมเสียงพรรค การเมืองถึง 19 พรรค ร่วมกับเสียงสนับสนุนจากสมาชิกวุฒิสภา ตามรัฐธรรมนูญกำหนด ส่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกฯอีกครั้งหนึ่ง

                  หลังจากที่ดำรงตำแหน่งนี้มาแล้วเป็นเวลาถึง 5 ปี พร้อมควบตำแหน่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ขณะนี้เป็นเวลา 5 ปี 6 เดือน แห่งการครองอำนาจบริหารปกครองบ้านเมือง ภายใต้รัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี กุมบังเหียนขับเคลื่อนประเทศ ที่ประชาชนต่างคาดหวังว่า ชาติบ้านเมืองของไทยจะก้าวเดินหน้าไปด้วยความมั่นคงก้าวหน้า ประชาชนไทยมีความรักสามัคคี เพื่อร่วมกันสร้างชาติ สร้างเศรษฐกิจด้วยความรุ่งเรืองมั่นคง ประชาชนอยู่ดีกินดี ความขัดแย้งที่นำมาสู่วิกฤติทางการเมืองในอดีต คงได้รับการแก้ไขโดยหมดสิ้น จนมิอาจก่อให้เกิดวิกฤติใหม่ได้

                  แต่เหตุการณ์บ้านเมืองของเราในปัจจุบัน ก็หาได้สงบราบรื่นดั่งที่ควรจะเป็นแต่อย่างใดไม่ สถานการณ์ในทุกๆ ด้านของสังคมไทย แม้รัฐบาลจะทำได้ดีและแก้ไขให้ลุล่วงไปได้หลายเรื่องก็ตาม แต่ก็ยังมีปัญหาที่อยู่ในอาการน่าวิตกอย่างยิ่ง จากปรากฏการณ์ที่แสดงออกให้เห็นโดยสรุปดังนี้

                  1.ในทางการเมือง คงต้องยอมรับความเป็นจริงว่า แม้เราจะผ่านการเลือกตั้งแล้ว จัดตั้งรัฐบาลจากการเลือกตั้งได้ แต่เสถียรภาพของรัฐบาลยังมีความไม่มั่นคง เข้มแข็งนัก ถึงจะมีเสียงในสภาเกินกึ่งหนึ่งก็จริง แต่ก็ไม่มากเด็ดขาดพอ คงเป็นเสียงปริ่มนํ้า ที่ความเป็นเอกภาพของเสียงสนับสนุนฝ่ายรัฐบาลในสภา ต้องคอยระวังตรวจเช็กนับจำนวนตลอดเวลาที่มีการประชุม และมีการโหวตลงมติ

                  ขณะที่การเมืองนอกสภาที่สงบเงียบไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง ฝ่ายขบวนการต่อต้านรัฐบาล เริ่มมีการก่อขบวนการก่อตัว ฟักตัวเพื่อรอเวลารวมกันเป็นขบวนการใหญ่ เพื่อหาจังหวะเคลื่อนไหวต่อต้านและขับไล่รัฐบาลอยู่ตลอดเวลาขอเพียงแต่ให้สถานการณ์สุกงอมและมีโอกาสเมื่อรัฐบาลเพลี่ยงพลํ้าทางการเมือง

                  2.ในทางเศรษฐกิจ แม้ว่ารัฐบาลจะได้ทุ่มเทแก้ไขปัญหา และให้ความเอาใจใส่ใช้ทีมเศรษฐกิจเพื่อฟื้นฟูสถานะทางเศรษฐกิจของประเทศ ให้สามารถขับเคลื่อนไปได้ด้วยดี ด้วยการลงทุนภาครัฐในโครงการใหญ่ๆจำนวนมาก กระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ เร่งการส่งออกเข้าเป้า และได้แรงหนุนรายได้จากการท่องเที่ยว จนสามารถสร้างความเติบโตทางเศรษฐกิจได้โดยต่อเนื่องในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ทำให้ผ่านพ้นช่วงที่ยากลำบากมาได้

                  แต่ก็ต้องยอมรับว่าในช่วงปีนี้ เศรษฐกิจมีอัตราการขยายตัวน้อยลงอย่างน่าตกใจ และต้องเผชิญกับปัญหาผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลก และสงครามทางการค้า ที่สำคัญคือปัญหาเศรษฐกิจรายได้ของประชาชนในระดับรากหญ้า ผู้หาเช้ากินคํ่าฝืดเคือง ประกอบกับราคาพืชเกษตรหลายตัวตกตํ่า เกษตรกรมีภาวะซบเซารายได้น้อย การจับจ่ายของประชาชนผู้บริโภคไม่สะพัด

                  และที่สำคัญคือพวกเขากำลังถูกปลุกให้เชื่อว่า รัฐบาลทอดทิ้ง เอาใจใส่แต่กลุ่มทุนขนาดใหญ่ นอกจากนี้ ยังมีปัญหาคำถามว่า รัฐบาลพึ่งพาแต่ทีมเศรษฐกิจทีมเดียวทีมเดิม โดยไม่เปิดช่องทางระดมหาคนดีมีฝีมือมาร่วมกันช่วยแก้ไข นี่คือปมปัญหาใหญ่เรื่องหนึ่ง ที่ทำให้รัฐบาลถูกมองว่าเป็นจุดอ่อนสำคัญขณะนี้

                  3.ในทางสังคม แม้สังคมไทยจะอยู่กันด้วยความสงบ ร่มเย็น โดยปราศจากเหตุวุ่นวายทางการเมือง ในรอบ 5 ปีเศษที่ผ่านมา ภายใต้การควบคุมสถานการณ์โดย คสช.
ต่อเนื่องถึงรัฐบาลปัจจุบัน แต่กลุ่มการเมืองทั้งหลาย ยังเคลื่อนไหวเป็นคลื่นใต้นํ้าที่พร้อมจะก่อตัวใหม่ เป็นหอกข้างแคร่คอยทิ่มแทงรัฐบาลตลอดเวลา

                  ขณะปัญหาภัยสังคมรายวันที่คุกคามชีวิตประชาชน คือปัญหาอาชญากรรมที่ร้ายแรงและการลักวิ่งชิงปล้น ล้วนเกิดขึ้นไม่เว้นแต่ละวัน และทวีความร้ายแรงมากยิ่งขึ้น รวมถึงมีความโหดร้ายมากยิ่งกว่า ผู้คนในสังคมไร้นํ้าใจ ขาดระเบียบวินัย ไม่เคารพกฎหมาย และเลือกตัดสินปัญหาข้อพิพาทด้วยความรุนแรง ไม่ว่าเรื่องเล็กน้อยหรือปัญหาใหญ่ จนประชาชนรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน สังคมไม่น่าอยู่น่าอาศัย

                   4. นอกจากนี้ประชาชนยังมีความวิตกกังวลต่อปัญหาความมั่นคงของชาติ อันเนื่องมาจากปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดภาคใต้ และความเคลื่อนไหวทางการเมือง โดยอาศัยศาสนาบังหน้าของกลุ่มก่อความไม่สงบบางกลุ่ม ที่รัฐบาลยังไม่สามารถจัดการให้เสร็จเด็ดขาดลงได้ ยังเป็นปัญหาที่สร้างความกังวลใจต่อประชาชนไทย

                  นี่คือ 4 ประเด็นใหญ่ๆ ที่ประชาชนต่างคาดหวังจะได้เห็นรัฐบาลนี้แก้ไข ทุกคนต่างเฝ้ารอและคาดหวังว่า รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะสามารถนำพาบ้านเมืองให้หลุดพ้นจากปัญหาวิกฤติในอดีต และเดินหน้าประเทศไทยไปได้ด้วยความมั่นคง เข้มแข็ง และยั่งยืน

                  พวกเขาคาดหวังว่า ท่านจะเป็นผู้นำในการสร้างสามัคคีและความสมานฉันท์ของคนในชาติ หลอมรวมความเป็นปึกแผ่น สร้างความเป็นเอกภาพในชาติให้เป็นหนึ่งเดียวกัน ซึ่งทั้งหลายเหล่านี้ที่จะเกิดขึ้นได้ จำเป็นต้องมีผู้นำและผู้เป็นแบบอย่างที่ดี เป็นธงนำคนในชาติ ดังนั้น ณ สถานการณ์บ้านเมืองยามนี้ คงไม่อาจจะมีผู้ใดมีความเหมาะสมและมีบารมีที่จะกระทำได้ นอกเสียจากนายกรัฐมนตรีที่ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เท่านั้น ที่จะเป็นผู้นำในภารกิจนี้ได้

                  วันนี้จึงอยากจะฝากการบ้านข้อใหญ่ ส่งความคาดหวังจากเสียงของประชาชน ที่สะท้อนผ่านโพลล์สำนักต่างๆ ที่ประชาชนยังเชื่อมั่นและให้โอกาสนายกรัฐมนตรี ว่าสิ่งที่คนเชื่อมั่นและคาดหวังนั้น เขาคาดหวังอะไร เพื่อจะบอกต่อนายกรัฐมนตรี ให้ตระหนักและมีสมาธิกุมเงื่อนปมปัญหาประเทศที่สำคัญ ที่ท่านต้องแก้ไขให้ได้

                  วาระแห่งชาติที่สำคัญยิ่งขณะนี้คือ หากรัฐบาลมิอาจสร้างบรรยากาศรวมความสามัคคี ความร่วมมือและความเป็นอันหนึ่งเดียวกันของคนในชาติให้ได้แล้ว ย่อมยากที่จะพาประเทศเดินหน้าไปได้ด้วยดี และรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะบริหารประเทศไปได้ด้วยความราบรื่น

                  ภารกิจจำเป็นเร่งด่วน จงใส่ใจต่อภารกิจเพื่อชาติในเรื่องดังกล่าวเสียก่อนเถิดครับ ยอมลดตัวเดินเข้าหาผู้อื่นให้มาก สามัคคีคนทุกกลุ่ม ทุกหมู่เหล่าให้ได้ เปิดใจรับฟังปัญหาประชาชน แบบเข้าใจเข้าถึง น้อมรับเอาทุกข์และปัญหามาแก้ไขอย่างจริงจัง สร้างมิตรสร้างแนวร่วมให้กว้างขวาง ระดมคนเก่ง คนดีมีฝีมือ มาช่วยกันแก้ปัญหาชาติ เสถียรภาพความมั่นคงของชาติ และของรัฐบาลก็จะบังเกิดได้ แม้เป็นรัฐบาลเสียง
ปริ่มนํ้า