วิถีการเมืองเซาะกราว วิถีแห่งความอหังการ ย้อนอดีตเห็นอนาคต

29 พ.ย. 2562 | 09:00 น.

คอลัมน์อยู่บนภู ฐานเศรษฐกิจ หน้า 6 ฉบับ 3527 ระหว่างวันที่ 1-4 ธ.ค.2562  โดย...กระบี่เดียวดาย

 

วิถีการเมืองเซาะกราว

วิถีแห่งความอหังการ

ย้อนอดีตเห็นอนาคต

 

          แล้ว สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม จากพลังประชารัฐ (พปชร.) ก็ได้รู้ซึ้ง หลังจาก เฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ แห่งประชาธิปัตย์(ปชป.) ได้รู้ซึ้ง เป็นความซึ้งถึงแนวทางการเล่นการเมืองแบบฉบับเซาะกราว

          ด้วยเหตุที่รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ เกินกึ่งหนึ่งมาแค่ 4-5 เสียง และเสียงของพรรคเล็กพรรคน้อยที่เข้าๆ ออกๆ เมื่อเป็นเช่นนี้ ทุกเสียง ทุกมือจึงทรงความหมาย

          เสียงของพลพรรคเซาะกราวจึงมีพลัง!!!

          เป็นพลังที่ใช้ในการขี่คอคนอื่นกดทับเพื่อนฝูงมาโดยตลอด เป็นพลังของเสียงดังที่ทั้งข่มขู่ ต่อรองสารพัด ไปยังรัฐบาลโดยเฉพาะ “ลุงตู่” ที่จะต้องเอาให้ได้ดั่งใจไปทุกเรื่อง

          ทีมเซาะกราวเล่นบทนี้มาโดยตลอด ในคราวปี 2551 ที่กำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ แห่งพรรคปชป.ขณะนั้น ต้องไปหยิบยืมเสียงมาผลักดันหนุนส่งให้ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี อำนาจต่อรองของพลพรรคเซาะกราวจึงสูงลิ่ว สามารถต่อรองเอาเก้าอี้กระทรวงใหญ่อย่างมหาดไทย ที่คุมขุมข่ายปกครองทั้งประเทศ และคมนาคมที่คุมโครงข่ายโครงสร้างพื้นฐานรับเหมาก่อสร้างทั้งประเทศมาแล้ว   

 

          พลพรรคเซาะกราวเล่นใหญ่ แบบใครยากจะขวาง คราวนั้นเสนอโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 6 พันคันในกทม.มูลค่าโครงการกว่าแสนล้านบาท แม้จะเป็นโครงการต่อเนื่องมาจากรัฐบาลก่อนหน้า ล่วงมาถึงรัฐบาลอภิสิทธิ์ ก็ยังมีการผลักดันต่อ เป็นอภิมหาโปรเจ็กต์  อื้ออึงไปถ้วนทั่ว

          คราวนั้นรัฐบาลอภิสิทธิ์ ต้องหันไปพึ่งสภาพัฒน์ถ่วงเวลาให้ศึกษาโครงการไปก่อน จนท้ายที่สุดก็ไม่สามารถคลอดโครงการได้สำเร็จ ก่อนที่ในยุคต่อมาผลศึกษาความจำเป็นของโครงการ ทำให้ลดจำนวนลงเรื่อยมาจาก 6 พันคันแต่เดิมเหลือแค่หลักร้อยคัน

          มีอีกหลายๆ โครงการที่คนในพรรคปชป.ถึงกับตัดพ้อ ต่อว่าเอากับลุงกำนัน

          ระดับผู้หลักผู้ใหญ่ในปชป.บ่นกระปอดกระแปด ปล่อยให้เพื่อนขี่คอแล้วขย่มซ้ำแล้วซ้ำเล่า!! 

          พลพรรคเซาะกราว ศึกษาวิธีเล่นการเมืองจากนายใหญ่อย่างรู้แจ้ง แจ่มชัด ภาพที่ออกมาจึงสวยหรู รู้วิธีเล่นกับมวลชน ใครประชานิยมพวกเขาจะประชานิยมกว่า นายใหญ่เดินทางไหน สร้างแบรนด์ให้ติดตลาดอย่างไร พวกเขาจะทำให้ติดดิน ติดตลาดไม่น้อยกว่า

คนทั้งประเทศได้เห็นภาพนายใหญ่นุ่งผ้าขาวม้า ถือขันอาบน้ำ นอนบ้านชาวบ้านได้ใจสาวก พวกเขาก็จะปั้นให้ระดับนำของทีมเซาะกราวมีภาพที่ไม่แตกต่างจากนี้เช่นเดียวกัน

          พลพรรคเซาะกราวเรียนรู้วิถีนี้ คิดใหญ่ ไม่คิดเล็ก เล่นเป็นโครงการๆ เป็นฉากๆ ที่ไปจากนโยบายมากกว่า ละเมียดกว่า

          เอาเข้าจริงๆ แล้วพัฒนาการของพลพรรคเซาะกราวห้วงนี้ ล้ำหน้ากว่าใครเอาด้วยซ้ำ เมื่อมีทั้งฐานทุน ทั้งทุนระดับประเทศ ทุนท้องถิ่น และพรั่งพร้อมไปด้วยอำนาจรัฐผนวกเข้ากับมวลชนจัดตั้ง แน่นอนคอยสนับสนุน เรียกว่าพร้อมลงเดินถนนเคียงคู่ไปแบบพึ่บพั่บ

          ยังพร้อมไปด้วยฐานสนับสนุนจากอดีตข้าราชการเกษียณชั้นผู้ใหญ่ มีกระบอกเสียงที่คอยประโคม และกำลังจับมือกับกระบอกเสียงใหม่ ที่เป็นกระบอกเสียงหลักสีส้ม      

 

          พลพรรคเซาะกราวจึงสร้างได้ทั้งกระแส และมีกระสุนที่พร้อม ในระดับอาณาจักรที่ซุ่มสร้างมานาน

          เมื่อมีทั้งกระแสและกระสุน แน่นอนย่อมเกิดความอหังการ  เป็นความอหังการที่ไม่ต้องปกปิด เห็นช้างตัวเท่ามด ที่พร้อมบดขยี้!! หากมีใครขวางทางและทำให้ขัดเคืองใจ

          ไม่นานมานี้ระดับลุงตู่ ยังต้องขอพึ่งบริการ ในคราวตระเวนต่างจังหวัด ยุคคสช.ก่อนการเลือกตั้งใหญ่ มวลชนพรึบเต็มพื้นที่ ตะโกนเชียร์พร้อมกัน “ลุงตู่สู้ๆ” เมื่อได้รับสัญญาณ

          พลพรรคเซาะกราวเดินทางมาไกล

          แต่ไกลเพียงใด ก็มีร่องรอยให้สืบสาว

          สืบสาวย้อนไปในอดีต จะเห็นถึงปัจจุบันและซึ้งถึงอนาคต

          ซึ้งในวิถีแบบเซาะกราว วิถีการเมืองแบบขี่คอเพื่อน !!!

          คำถาม คือ การเมืองฉบับเซาะกราวเช่นนี้ ประชาชนได้อะไร