การเมืองร้อนใน 'ปตท.' 'ข้ามหัว-ฝังตัว-วางคน'

22 พ.ย. 2562 | 11:32 น.

คอลัมน์ข่าวห้ามเขียน ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3525 หน้า 20 ระหว่างวันที่ 24-27 พ.ย.2562 โดย... พรานบุญ

 

การเมืองร้อนใน        

'ปตท.'

'ข้ามหัว-ฝังตัว-วางคน'

 

            ร้อนฉ่า เหงื่อตก หน้าซีดไปทั้งอาคารด้านหน้าและด้านหลัง “เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์” เมื่อจู่ๆ มีมือดี ผู้มากบารมีนอกองค์กร จัดการสอดไส้ตั้งกรรมการในบริษัทแห่งชาติของไทย ที่รู้จักกันในชื่อ “ปตท.-PTT” ทำเอารัฐมนตรีพลังงาน “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” ที่กุมนโยบายถึงกับควันออกหู

            พรานฯ ที่ออกเดินในป่าเขา ลำเนาไพร ไกลสังคม นานๆ  สักทีจึงจะออกมาเดินป่าคอนกรีตถึงกับสะดุ้ง เมื่อได้ยินเสียงอันเย็นชาอำมหิตจากผู้ใหญ่ในรัฐบาลว่า “อย่าปล่อยให้มันทำแบบนี้อีกเด็ดขาด ถ้าไม่เชื่อฟัง ต้องปลดออก...”

            อะไรที่ทำให้ผู้ใหญ่ในรัฐบาลที่ปกติเป็นผู้ใหญ่ใจดีถึงกับควันออกหู...ขู่คำรามลั่นขนาดนั้น!

            พรานฯ ไปสืบเสาะการข่าวกับนกกาบริเวณหน้าตึกไกรสร (ตึกไทยคู่ฟ้า) แห่ง “บ้านนรสิงห์” ทราบว่า เรื่องของเรื่องคือ กระทรวงพลังงานเสนอตั้ง “สราวุธ แก้วตาทิพย์” อธิบดีกรมเชื้อเพลิงพลังงาน เข้าไปนั่งเป็นกรรมการ แทนที่ “กุลิศ สมบัติศิริ” ปลัดกระทรวงพลังงานที่ถูกแต่งตั้งไปนั่งเป็นประธานกรรมการ กฟผ. และต้องการให้เข้าไปเป็นหนึ่งในกรรมการสรรหา “ซีอีโอ-ผู้ว่าการ” ปตท.

            ขณะเดียวกันก็มี “ผู้มากด้วยบารมี” ซึ่งพยายามจะเข้ามาควบคุมรัฐวิสาหกิจใหญ่ของไทยให้อยู่ใต้ปีก ก็พยายามที่จะเข้ามาแทรก ด้วยการส่งคนที่ตัวเองไว้ใจมา “ฝังตัวไว้” เพื่อคุมทางนโยบายและจัดวางกำลังคนเพื่อผลประโยชน์ในระยะยาว

            จึงมีการปรึกษาหารือวางแผนกันว่าควรที่จะสนับสนุน “ดร.ไพรินทร์ ชูโชติถาวร” อดีต รมช.คมนาคม อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.ฯ เข้าไปนั่งเป็นกรรมการ เพื่อรอวันสไลด์เข้าไปนั่งเป็นประธานกรรมการ ปตท. แทนที่ “ไกรฤทธิ์ อุชุกานนท์ชัย” นักการเงินผู้มากด้วยประสบการณ์ที่จะหมดวาระลงปีหน้า

 

ไกรฤทธิ์ อุชุกานนท์ชัย

 

            แว่วว่า มีการตกลงกันเรียบร้อยกับฝ่ายนโยบายว่า จะเสนอชื่อแต่งตั้ง “ดร.ไพรินทร์” เข้ามาเป็นบอร์ดหลังเดือนมีนาคม-เมษายน 2562 เพราะต้องการให้คณะกรรมการชุดนี้ ทำหน้าที่สรรหาผู้ว่าการ ปตท.คนใหม่มาแทนที่ “ชาญศิลป์ ตรีนุชกร” ที่กำลังพ้นตำแหน่งซีอีโอ เพราะครบวาระในเดือนพฤษภาคม 2562

            ที่เป็นเช่นนั้นเพราะฝ่ายการเมืองและผู้กุมนโยบายไม่ต้องการให้เกิดโรคแทรกซ้อนเหมือนเมื่อคราวสรรหาผู้ว่าการปตท.ในรอบที่แล้ว ที่มีการวิ่งกันฝุ่นตลบ ขนาดว่าในการลงมติเลือก ซีอีโอ ปตท.กรรมการสรรหาระดับปลัดกระทรวงบอยคอตต์ “ไม่เข้าร่วมประชุม” แต่ยอมลงมติให้กับ “นายทหาร” ผู้จุ้นจ้านมีอำนาจบาตรใหญ่ไปทุกเรื่อง

            รอบนี้นโยบายชัดว่า ผู้ว่าการ-ซีอีโอ ปตท.ควรคัดเลือกจากผู้บริหารที่มีอายุพอสมควร ที่สามารถวางรากฐานในการลงทุน การสร้างองค์กรให้เติบใหญ่สามารถแข่งขันกับโลกได้ มิใช่แค่ปีเดียว และคู่แข่งที่น่าจะชิงกันขึ้นก็ถือว่าเป็น “สตาร์ของปตท.”

            3 ตัวเต็งที่มีชื่อเข้าท้าชิงเก้าอี้ซีอีโอ ปตท.รอบนี้ ประกอบด้วย นพดล ปิ่นสุภา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซีฯ คนต่อมา วิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ไทยออยล์ ผู้ประกาศตนว่าอยากเป็นซีอีโอ และเคยเข้ามาท้าชิงเก้าอี้ซีอีโอ ปตท. มาแล้วในรอบที่แล้ว แต่พ่าย “ชาญศิลป์” ไปเพราะนายทหารใหญ่คาใจในเรื่อง “เสื้อแดง”

            คนสุดท้ายคือ อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย ปตท. อดีต ซีเอฟโอ ที่เข้าชิงในรอบที่แล้ว แต่พ่ายชาญศิลป์ไปเช่นกัน

 

ชาญศิลป์ ตรีนุชกร

            แต่แล้วกลับมีการหักหลังกันแบบนึกไม่ถึง โดยในการประชุมคณะกรรมการสัปดาห์ที่ผ่านมา “มือดีขวัญกล้า” สอดแทรกเสนอชื่อ “ไพรินทร์” เข้าเป็นบอร์ดตีคู่แทรกเป็นยาดำทำแบบเนียนๆ เข้าไปกับ “สราวุธ” ให้คณะกรรมการพิจารณาอนุมัติ...ผ่านสิครับ!

            ผ่านเพราะมีการจัดการเต็มพิกัด ขยิบตากันในบอร์ดหลายคน และมีคนไปแอบกระซิบให้ “ณัฐชาติ จารุจินดา” อดีตผู้บริหารระดับสูงบริษัท ปตท.ที่นั่งเป็นกรรมการและเพิ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกรรมการบริหารความเสี่ยงองค์กรเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2562 ลาออก เพราะจะมีการเสนอชื่อ “ไพรินทร์” เข้าไปเป็นกรรมการคนใหม่เพื่อสไลด์เข้าไปเป็นประธานบอร์ด

            การทำงานที่ข้ามหัว-ฝังตัว-เพื่อวางคน แบบนี้แหละที่ทำให้ผู้คนสงสัยว่าอาณาจักร ปตท.ที่เป็นแก้วสารพัดนึกนั้นมีอะไรมากกว่าที่ใครคิด

            ใช่เพราะบริษัท ปตท.ฯ มีงบลงทุนปีละ 1-2 แสนล้านบาท ใช่หรือไม่ ใช่ว่า บริษัทแห่งนี้สามารถทำรายได้จากการขายปีละ 2-3 ล้านล้านบาท มีกำไรปีละ 1-1.5 แสนล้านบาท ใช่หรือไม่ จึงมีความพยายามจัดวางคน ไปฝังตัวไว้โดยไม่สนผู้กำกับ

            นังบ่างที่พรานฯ ส่งไปสืบข่าวบอกว่า รัฐมนตรีสนธิรัตน์เรียก “ไกรฤทธิ์” ไปสอบถามว่ามตินี้ผ่านไปได้อย่างไร ผมไม่ได้สั่ง ทำไมไม่มีการรายงานก่อน คำตอบที่นังบ่างสืบทราบมาคือคำตอบที่ว่า “...ก็มีคนบอกว่าผู้ใหญ่ในทำเนียบไฟเขียว และกำชับมาว่าให้เดินตามนี้..เพราะผู้ใหญ่ในทำเนียบสั่ง”

            ผู้ใหญ่คนไหนในทำเนียบ...ไม่มีการบอกกล่าว แต่นังบ่างบอกพรานฯ ให้ทราบว่า มีการแอบอ้างไปไกลเกินกว่าใครจะจินตนาการ ทั้งๆ ที่ไม่ควรดึงชื่อเข้ามาเกี่ยวให้มัวหมอง

            ผู้ใหญ่ใครคนนั้นคือใครกันแน่! ถึงสนับสนุนดร.ไพรินทร์ สุดลิ่มทิ่มประตู รวบหัวรวบหางเข้าเป็นกรรมการแบบเบ็ดเสร็จ เพื่อก้าวขึ้นเป็น “ประธานบอร์ด” คุมการสรรหา “ผู้ว่าการ-ซีอีโอ” ปตท.คนใหม่ แบบไม่เกรงใจใคร กลายเป็นคำถามที่ทุกคนต้องหาคำตอบ...แต่เชื่อเหอะ แค่มีคนแอบอ้าง

            นังบ่างยังยิ้มย่องบอกพรานฯ ต่อไปว่า อยากรู้อะไรดีอีกมั้ย...จุ๊ๆ อย่าเอ็ดไป ตอนนี้มีข่าวว่า ซีอีโอ ชาญศิลป์ โดนรัฐมนตรีเรียกไปแช่แข็ง!?!

            นังบ่างบอกว่า เรื่องนี้อื้ออึงยิ่งกว่าการตั้ง 3 กรรมการ ในบริษัท การบินไทยฯ (THAI) ที่มีการแต่งตั้ง “บิ๊กต่าย” พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน อดีตผู้บัญชาการทหารอากาศ มานั่งเป็นรองประธานกรรมการ และรักษาการประธานกรรมการ ซึ่งภายในคุกรุ่นอยู่ว่า “ส.ว.” นั้นถือเป็นนักการเมืองหรือไม่ ถ้าตีว่าใช่ “ผิดกฎหมาย” ทันที เพราะมีข้อห้าม “นักการเมืองมานั่งเป็นบอร์ดรัฐวิสาหกิจ”

            แต่งตั้ง “พงษ์ชัย อมตานนท์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟอร์ท คอร์ปอเรชั่นฯ และ บริษัท ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิสฯ หรือ FSMART เจ้าของ “ตู้บุญเติม” ที่เก็บเบี้ยใต้ถุนร้านจากการเติมเงินมือถือเป็นหมื่นๆ ตู้ มาเป็นกรรมการการบินไทย และแต่งตั้ง “สัญลักข์ ปัญวัฒนลิขิต” คณบดีคณะนิติศาสตร์ ม.พายัพ ขึ้นมาเป็นบอร์ดการบินไทยที่กำลังตกอยู่ในภาวะวิกฤติเสียอีกพ่อพรานฯ เอร้ย...

          ติดตามดีๆ อาจมีโป๊ะแตก!