เสาอียิปต์-เสาปืนใหญ่ ใน SECULAR STATE อย่างปารีส
เจ้าหญิงไดอาน่า สเปนเซอร์ อดีตพระชายาผู้เลอโฉมของมกุฎราชกุมารอังกฤษ เสวยพระกระยาหารมื้อสุดท้ายที่ โรงแรม ริชต์ อันลือนาม ณ จัตุรัส ปลาส วองโดม กลางกรุงปารีส ก่อนเสด็จขึ้นรถเมอร์เซเดส 201 สีน้ำเงินก่ำ รูปทรงอ้วนเปนปลาวาฬ แล้วประสบอุปัทวเหตุ-ซึ่งแปลว่าเหตุอุบาทว์มากกว่าฉุกเฉินอุบัติ-สิ้นพระชนม์ในรถยนต์พาหนะนั้น
ปลาส วองโดม แห่งนี้เปนแหล่งหรูหรา มาแต่ไหนแต่ไร เเลดาดกราดเกลื่อนไปด้วยสำนักเพชรพลอยและเรือนประดับอย่างว่า Gems & Jewelry ยี่ห้อดังๆขายมากว่าร้อยๆ ปี ไม่ว่าจะเปน เฟรดเดอริกฆ์ บูเฌอรง, ฌูเม่ต์, เมลเลอริโอ
โกโก้ ชาแนล ดีไซเนอร์ชั้นนำของโลก ก็มีนิวาสสถานอยู่จัตุรัสนี้ เธอพำนัก อย่างว่าเปน การถาวรแทนบ้าน อยู่ใน โรงแรม ริชต์ กว่า 30 ปีจนถึงวาระสุดท้าย
ที่ใจกลางจัตุรัส ยังมีเสาโลหะขนาดใหญ่ตั้งอยู่ ขึ้นสนิมสัมฤทธิ์สีเขียวเปล่งงามดี คนทั่วไปก็ว่า เสาก็คือเสา อาจจะสนใจอยู่หน่อยก็คือว่าที่ยอดเสาอันมนกลมคล้ายลูกโลกนั้นมีประติมากรรมรูปใครบางคนยืนเหยียบอยู่ ถ้าดูจากเสื้อโค้ทและความเตี้ยที่พยายามอยากให้ดูสูงแล้วจะตอบตัวเองได้ไม่ยากว่านั่นคือ นโปเลียน
เปนนโปเลียน โบนาปาร์ต นักเรียนนายร้อยปารีส ซึ่งกรำศึกมานาน มีความสามารถในงานจัดการการรบสูง ผู้คนนินทาว่าความสามารถชนิดนี้มาจากแรงกดดันภายในตัวของนโปเลียนเองที่เกิดมาเตี้ยจึงไขกลบลบปมด้อย(ที่คิดไปเอง)นี้ ด้วยความทะเยอทะยานและสำแดงความสามารถให้ปรากฏแก่สาธารณชน ทั่วทั้งโลกา ก็เอาว่า เคยตะลุยไปถึงอียิปต์ เพื่อจะเอาประเทศตะวันออกไกลมาเปนอาณานิคม ก็แล้วกัน ส่วนดัชนีเคพีไอของนโปเลียนนี้วัดก็ว่าเคยสำเร็จเปนที่พระจักรพรรดิของฝรั่งเศส, พระราชาธิบดีของอิตาลี และผู้ปกครองสมาพันธรัฐแห่งลุ่มน้ำไรน์ มาแล้ว
ยามเมื่อชนะศึกออสเตรียนรัสเซีย นโปเลียนจัดการยึดปืนใหญ่เชลยเหล่านี้มาจนสิ้น 1,200 กระบอกได้มาแล้วเอามาหลอม ทำเสาสูงลิบขนาดใหญ่เอาไว้ยืนเหยียบ ค่าที่จัตุรัส วอง โดมนี้เคยมีเสาของคนอื่นตั้งๆถอนๆไว้อยู่แล้ว นโปเลียนก็เลยปักลงหลุมประดิษฐานเปนการถาวรมันซะที่นี่
เสาปืนใหญ่หลอมนี้ลือกันว่าข้างในกลวง ทำเปนบันไดวน วนขึ้นไปยอดเสาได้ ได้รับแรงบันดาลใจ (ก๊อบปี้) มาจากเสาหินกลวงรูปแบบเดียวกันนี้ของฝรั่งโบราณชื่อ เสา Trajan ซึ่งทำขึ้นสดุดี จักรพรรดิทราจัน ผู้ทรงแผ่และทรงครองอาณาจักรโรมอันไพศาลด้วยทศพิธราชธรรม ริเริ่มระบบสวัสดิการสังคมมาแต่ยุคนั้น เสาต้นแบบนี้ยังอยู่ในโรมมาจนทุกวันนี้ ว่ากันว่าที่ใต้ฐานเสาหินยักษ์แห่งทราจัน มีพระบรมอัฐิของพระเจ้าทราจันผู้เจ้าของฝังอยู่ด้วย
เมืองไทยเราก็มีการจัดการปืนใหญ่อยู่เหมือนกัน คราว ศ. ศิลป์ พีระศรี ครูอิตาลีสัญชาติไทย ร่วมออกแบบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยนั้น ได้ใช้ปืนใหญ่จำนวน 75 กระบอกปักปากกระบอกฝังลงดินวงไว้เปนเขตหมายบอกอาณาบริเวณของอนุสาวรีย์ โดยนิยามว่า 75 กระบอกนี้ คือเหตุเกิดปี 2475 ที่เปลี่ยนแปลงการปกครองในสยามประเทศ โดยปืนใหญ่ต้องฝังปากลงดินเสียเพราะต่อจากนี้ไปจะต้องไม่ใช้ปืนใหญ่ยิงคร่าพร่าพรากกันอีก เปนเครื่องหมายแห่งความสันติภาพบังเกิด
ย้อนกลับไปในปารีส
ยังมีอีกจัตุรัสหนึ่งที่ห่างกันไม่ไกลปลาส เดอ ลา กองกอร์ด สถานที่ติดตั้งกีโยตินบั่นพระเศียรพระนางมารี อังตัวเน็ต ใจกลางปลาสนี่ก็มีเสายักษ์ตั้งอยู่ ชั่วแต่ว่าเปนเสาหิน มิได้เปนเสาเหล็ก เสาเหลี่ยมสอบขึ้นปลายนี้ฝรั่งเศสไปขนมาจากอียิปต์ จากเมืองลักซอร์ นัยว่าจักรวรรดิอียิปต์ล่มสลายแล้วแต่วัฒนธรรมอียิปต์ยังคงอยู่_ขอเก็บเอามาครอบครองหน่อยเถอะน่า
เสาหินอียิปต์นี้ชื่อว่า โอบิลีสฆ์ obelisk ศัพท์เก่าแปลว่าตะปู พวกอียิปต์ทำขึ้นบูชาสุริยเทพของพวกเขา โดยสลักและสกัดเอามาจากเหมืองหินแกรนิตในอาณาจักรอียิปต์ มีหลายต้น บางต้นยังสกัดงัดออกมาจากเหมืองไม่สำเร็จเกิดแตกหักเสียก่อนก็มี ต้องนอนคาเหมืองอยู่อย่างนั้นมาเปนพันปีจนปัจจุบัน ส่วนต้นที่ทำเสร็จแล้วนั้นหรือ 55
โรมเอามา 2 ต้น อเมริกาเอามาต้นหนึ่ง ไปเก็บอวดโอ่โชว์เชยไว้ที่ นิวยอร์ก เซ็นทรัล พาร์ก ฝรั่งเศสเอามาต้นหนึ่งไปอยู่ที่จัตุรัส กองกอร์ด วาติกันเอามาอีกต้นหนึ่ง ไว้จัตุรัส เซนต์ปีเตอร์
พวกเปนคริสต์จ๋าก็เอาตราพระเยซูไปเหยียบหัวเสาไว้ ทำข่มสยบผู้นอกศาสนา รึไม่ก็จารึกเรื่องศีลจุ่มศีลมหาสนิทของเจ้านายตัว ในขณะที่อเมริกาชอบใจ เอาเปนแบบสร้างเสาใหม่ใหญ่กว่าเดิมเพิ่มเปนประติมากรรมไว้ที่เมืองหลวง ดี.ซี. ฝ่ายปารีส ทำพีระมิดทองเอาวางท็อปยอดหัวเสา จำลองแบบของเก่าดั้งเดิมที่เสาตะปูนี้ต้องมียอดเปนพีระมิด(ซึ่งถูกมือดีขโมยไป)ไม่ทำเรื่องเกี่ยวกับศาสนา
ทั้งนี้ก็น่าเชื่อว่า ปรัชญาของสาธารณรัฐฝรั่งเศสว่าด้วยการเปนรัฐเเบบรัฐ กล่าวคือ การดำรงความ secular แก่ state -ไม่ยุ่งเกี่ยวด้วยศาสนา-นั้นมีความเข้มข้นมั่นคง ผู้ใดใคร่นับถือศาสนาใดก็นับถือไป แต่จะบังคับครอบคลุมให้ผู้อื่นที่ไม่นับถือศาสนา หรือ นับถือศาสนาอื่นต้องบูชาพาเคารพด้วยหาได้ไม่ สิทธิในความเปนมนุษยชน (Rights of Human)ภายใต้กรอบกฎหมาย มีศักดิ์สูงกว่าการอ้างบังคับด้วยหลักศาสนาในทุกกรณี รัฐมีความเปนรัฐอย่างไม่มีศาสนามาครอบคุ้มแผ่งำ
ล่าสุดสักสิบปีก่อน มุสลิมสตรีในฝรั่งเศสที่เปนครูสอนหนังสือ ถูกรัฐกำหนดให้ถอดผ้าคลุมหน้า-ชิญาบออก ยามปรากฏกายทำการสอนต่อหน้าเด็กเยาวชน ด้วยหลักการเข้มข้นของ secular state นี้ ไม่อนุญาตให้แสดงความนับถือแก่ศาสนาผ่านการแสดงสัญลักษณ์ที่สร้างเอกสิทธิ์เหนือความเปนมนุษยชน (Human)ผู้อื่นที่กำเนิดมาและจะพบปะปฏิสัมพันธ์กันโดยธรรมชาติอย่างเท่าๆเทียมๆกัน ครูคริสต์ห้ามห้อยกางเขนนอกเสื้อถ้าจะแขวนให้เก็บในอกเสื้อ พอๆกับครูพุทธห้อยพระห้ามโชว์
ถ้าไม่เชื่อก็ขอให้ดูรูปเก่ารูปนี้ ว่าครั้งเมื่อโรคเอดส์ระบาดหนักสิบๆ ปีก่อน ฝูงชนปารีสไม่ตระหนักในโรคภัยอันมาจากการปฏิสันถารไม่เลือกหน้า คณะกรรมการรณรงค์การใช้ปลอกอนามัย ก็ได้พึ่งพาเอาเสา Obelisk แห่งลักซอร์ มาช่วยทำการกุศลประกาศแจ้งเตือนภัยเชิงเสนอเเนะวิธีป้องกันตัว โดยการครอบถุงยางสีชมพูแสบไว้เสียกลางเมือง ทำเอาผู้คนตกกะใจในเบื้องแรก ก่อนจะตระหนักรู้ระวังในเบื้องหลัง ถือเปนคุณูปการอย่างสำคัญของเสาโบราณนี้ต่อการสาธารณสุขของโลกอยู่พอสมควร
หน้า 22 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,525 วันที่ 24 - 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562
