แก้นิสัยนักการเมืองก่อน ค่อยแก้รัฐธรรมนูญ

21 พ.ย. 2562 | 05:00 น.

คอลัมน์ข้าพระบาท ทาสประชาชน ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ3524 หน้า 6 ระหว่างวันที่ 21-23 พ.ย.2562 โดย...ประพันธุ์ คูณมี

 

แก้นิสัยนักการเมืองก่อน

ค่อยแก้รัฐธรรมนูญ

 

     มีผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน จากสำนักโพลล์แห่งหนึ่งซึ่งเป็นที่รู้จักดี ได้แถลงผลการสำรวจที่น่าสนใจอย่างยิ่ง โดนใจประชาชนจริงๆ กับการเมืองไทยในปัจจุบัน โดยเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2562 นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) นำเสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง แก้รัฐธรรมนูญกับแก้นิสัย ส.ส. กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Quanlitative Research) ผ่าน “เสียงประชาชนในโลกโซเชียล” (Social Media Voice) ด้วยระบบ Net Super Poll จำนวน 4,551 ตัวอย่าง และ “เสียงประชาชนในสังคมดั้งเดิม” (Traditional Voice) จำนวน 1,189 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 10-16 พฤศจิกายน 2562

     โดยมีผลสำรวจที่น่าสนใจพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ หรือ 92.5% ไม่เคยอ่านรัฐธรรมนูญมาตรา 144 มีเพียง 7.5% เคยอ่าน เมื่อถามความเห็นว่า นักการเมืองแก้รัฐธรรมนูญเพื่ออะไร ระหว่างแก้เพื่อเปิดช่องคดโกงได้กับแก้เพื่อประโยชน์ประชาชนส่วนรวมของประเทศ พบว่าส่วนใหญ่ หรือ 84.8% คิดว่านักการเมืองจะแก้เพื่อเปิดช่องคดโกงได้

     ที่น่าสนใจคือ ส่วนใหญ่หรือ 86.5% คิดว่าควรแก้นิสัย ส.ส.ก่อนแก้รัฐธรรมนูญ เพราะส.ส.ยังมีภาพลักษณ์ที่แย่ๆ เหมือนเดิม ชอบขู่ วางอำนาจ ท้าตีท้าต่อย ก่อความขัดแย้งในสังคม ทำตัวอดอยากหิวโหยมาหลายปี วิ่งเต้นเบื้องหลังเป็นอีแอบ ล็อบบี้ ส่อคดโกงหาประโยชน์ มุ่งมาเอาทุนคืน ที่น่าห่วงคือ ส่วนใหญ่ หรือ 97.7% คิดว่าปมการแก้ไขรัฐธรรมนูญ อาจนำไปสู่ความขัดแย้งรุนแรงบานปลายในสังคมได้

     นี่คือผลสรุปที่สำคัญๆ ของการสำรวจของซูเปอร์โพลล์ ที่ค่อนข้างตรงประเด็นที่คนอยากรู้มากที่สุดในประเด็นต่างๆ ดังกล่าว โดยเฉพาะการแก้รัฐธรรมนูญยังบอกให้ทราบอีกว่า การแก้รัฐธรรมนูญเป็นความต้องการของนักการเมือง มิใช่ความเรียกร้องต้องการของสังคม

     กล่าวสำหรับผลสำรวจดังกล่าว สิ่งที่ผู้เขียนให้ความสนใจที่สุดคือ ประชาชนต้องการให้แก้นิสัย ส.ส ก่อนแก้รัฐธรรมนูญครับ แม้โพลล์จะไม่ได้ระบุรายละเอียดว่า พฤติกรรมของนักการเมือง อันเป็นนิสัยที่น่ารังเกียจและควรแก้ไขอย่างยิ่ง คือพฤติกรรมของใคร พรรคการเมืองใดด้วยพฤติกรรมอย่างไรบ้าง แต่สิ่งที่ประชาชนและสังคมได้เห็นได้สัมผัสกับการเมืองยุคนี้ ดูจะเลวร้ายกว่าอดีต หากจะแก้นิสัยที่ไม่ดีและดูแย่ๆ ในสายตาประชาชน เท่าที่เห็นพอจะจำแนกได้ดังนี้

     1. นักการเมืองบางกลุ่ม บางพรรค มีนิสัยและพฤติกรรม “ชังชาติ” ตนเอง ถูกกล่าวหาในคดีอาญาฐานช่วยผู้ต้องหาหลบหนี ทำไมต้องดึงทูตต่างชาติมายุ่งเกี่ยวคดี เดินทางไปต่างประเทศไปเปิดเวที ให้สัมภาษณ์ จ้างล็อบบี้ยีสต์ โจมตีด่าทอประเทศไทย พฤติกรรมประณามประเทศตนเอง นิยมกลุ่มก่อความรุนแรง สร้างความวุ่นวายในประเทศ นี่คือนิสัยที่น่ากลัวที่สุด ที่สำคัญคือไร้สำนึกผิดชอบชั่วดี

     2. นักการเมืองบางกลุ่ม บางพรรคมีนิสัยโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์ แสดงออกถึงความไม่จงรักภักดี ทั้งคำพูดและการกระทำ ถูกตรวจสอบจับได้ ยังดื้อด้าน ดื้อรั้น

     3. นักการเมืองบางคน โจมตีคนอื่นว่าเป็นเผด็จการ อ้างตนเป็นฝ่ายประชาธิปไตย เป็น ส.ส.สมัยแรก แค่ได้เป็นประธานกรรมาธิการ แต่ลุแก่อำนาจ บ้าอำนาจ พูดจาก้าวร้าว ด่าทอผู้อื่น วางอำนาจ ข่มขู่คุกคามสื่อ ทำตัวแย่กว่าเผด็จการ ท้าทายผู้อื่นเป็นอาจิณ บ้าอำนาจเสียยิ่งกว่าเผด็จการ

     4. เป็นนักการเมือง เป็น ส.ส. เป็นผู้มีหน้าที่ทางนิติบัญญัติ เพื่อตรากฎหมายออกมาบังคับใช้กับประชาชน แต่ตนเองกลับทำตัวไม่เคารพกฎหมาย ไม่เคารพรัฐธรรมนูญ ไม่เคารพศาลและกระบวนการยุติธรรม ตัวเองกระทำผิดกฎหมาย ถูกดำเนินคดี กลับอ้างว่าถูกสงครามกฎหมายเล่นงาน ปลุกมวลชนมาปกป้องความผิด เอาประชาธิปไตยบังหน้ามาคุ้มหัวตัวเอง

     5. อ้างตนเป็นคนรุ่นใหม่ แต่นิสัยและพฤติกรรมทางการเมือง นํ้าเน่า ล้าหลัง ชังชาติ สร้างแต่วาทกรรมที่ไม่จริง แถลงข่าวล้วนเป็นเท็จถูกสังคมตรวจสอบจับได้ ก็แถไปอีกทางเอาสีข้างถู ไม่ดูไม่สำรวจตนเองเลยว่า ทำไมสังคมไม่เชื่อถือ

     6. บางคนชอบอ้างว่าตนเสียสละ ลงมาจากหอคอยงาช้าง หลุดมาจากกองเงินกองทองทิ้งความสุขสบาย มาทำการเมืองเพื่อประชาชน ทั้งที่ออกเงินลงทุนสร้างพรรคด้วยตนเอง ด้วยเงินหลายร้อยพันล้านหวังอำนาจรัฐ ตนเองกับครอบครัวบริจาคมากที่สุด แถมออกเงินให้กู้อีกต่างหาก อ้างเป็นพรรคของประชาชน ทั้งที่ตนและครอบครัวเป็นเถ้าแก่และเจ้าของพรรคตัวจริง

     7. ที่ประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่า นักการเมืองเข้ามามีอำนาจเพื่อหาทางโกง ย่อมโทษประชาชนไม่ได้ จึงเป็นภาพลักษณ์ติดตัวนักการเมือง ที่เป็นจริงและควรรีบแก้ไขก่อนแก้รัฐธรรมนูญ

     พฤติกรรมของนักการเมืองดังกล่าว เป็นความจริงที่สะท้อนภาพการเมืองและสังคมไทย เป็นความจริงที่โดนใจประชาชนที่สุด ที่ต้องการให้แก้ไขเพราะนิสัยที่แย่ๆ และภาพลักษณ์ที่เลวร้ายเหล่านี้ ล้วนเป็นอุปสรรคและปัญหาต่อการพัฒนาประเทศ แม้ในความเป็นจริงจะมีนักการเมืองที่ดี มีคุณภาพในสังคมไทยอยู่ไม่น้อยก็ตาม แต่คนเหล่านั้นก็ถูกพวกนํ้าเสียกลบเกลื่อน ทำให้พลอยเสียหาย และไม่มีอำนาจในการปกครองบ้านเมือง หรือแม้มีอำนาจก็ไม่กล้าหาญพอที่จะกำจัดนักการเมืองนํ้าเสียได้ นํ้าดีนํ้าเสีย คนดีคนเลวในทางการเมือง จึงต้องอยู่ปะปนกัน จนทำให้ประชาชนเห็นว่าพวกนิสัยไม่ดีมีมากที่สุด ดังปรากฏตามผลสำรวจ

     การปฏิรูปการเมืองไทย จึงมิอาจเดินหน้าสู่ความสำเร็จได้ แม้ประชาชนจะเรียกร้องต้องการเพียงใด หากตราบใดที่ยังไม่สามารถแก้นิสัยนักการเมือง