อยู่-ไม่-เป็น หรือ ดิ้นรน-หา-ที่ตายเอง

07 พ.ย. 2562 | 05:00 น.

คอลัมน์ข้าพระบาท ทาสประชาชน ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3520 หน้า 6 ระหว่างวันที่ 7-9 พ.ย.2562 โดย... ประพันธุ์ คูณมี

 

อยู่-ไม่-เป็น
หรือ ดิ้นรน-หา-ที่ตายเอง

 

          กลับจากไปทำบุญทอดกฐิน เปิดหน้าอ่านข่าวสารการเมือง คลิกไปสื่อไหน เห็นแต่เรื่องของพรรคอนาคตใหม่ ที่หาข่าวดีๆ เรื่องสร้างสรรค์ไม่มีเอาเสียเลย แต่ละวันช่างเก่งแต่สรรหาเรื่อง คิดประเด็นให้สังคมถล่มก่นด่า วิพากษ์วิจารณ์ในเชิงลบ นับวันพรรคนี้มีแต่ถอยหลังลงเหว อยู่ในภาวะขาลงจริงๆ เพราะแกนนำพรรคแต่ละคนขยันโพสต์ ขยันให้สัมภาษณ์แบบสร้างปัญหา สะท้อนความคิดและทัศนคติในทางการเมือง ที่ออกจะผิดปกติและล้าหลังเกินจินตนา อ่านข่าวแล้วอดไม่ไหว ต้องขอออกความเห็นร่วมวิพากษ์ด้วยคน

          เริ่มที่เลขาธิการพรรค นายปิยบุตร แสงกนกกุล เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2562 ออกมาโพสต์ทวิตเตอร์ว่า “ผมอยากลองถามให้สังคมฉุกคิดกันดู ว่าคุณเชื่อว่า ธนาธรโดนแน่ ปิยบุตรโดนแน่ #อนาคตใหม่โดนแน่ คุณเชื่อแบบนั้นเพราะเราทำผิดจริงๆ หรือคุณคิดว่าเราต้องโดน เพียงเพราะผู้มีอำนาจมองว่าพวกนี้เป็นอันตรายต่อเขา ที่ตัดสินใจไปแล้วว่าโดนแน่ ตัดสินใจจากเหตุผลชุดไหนกันแน่”

          อ่านและพิจารณาจากข้อความดังกล่าว ก็มองเห็นธาตุแท้และทัศนคติทางการเมือง ของนายปิยบุตร แสงกนกกุล ได้เป็นอย่างดีว่า

          (1) เขาไม่เคยสำรวจตนเอง พิจารณาปัญหาที่เกิดขึ้นกับตนและพวก ด้วยความมีสติเลยแม้แต่น้อย ปัญหาทางกฎหมายหรือคดีต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับตนและพรรค ใครเป็นคนก่อให้เกิดขึ้น สื่อหรือประชาชนคนไหนกลั่นแกล้งตน เจ้าหน้าที่รัฐคนไหนใส่ความคุณ ช่วยอธิบายด้วย ไหนว่าเก่งกฎหมายชอบบรรยายอธิบายสั่งสอนคนอื่น ประชาชนเขากินข้าว รู้ว่าคดีความทั้งหมดมีที่มาที่ไปอย่างไร คุณโพสต์ลักษณะนี้สุภาษิตไทยเขาบอกว่า “ไม่ตักนํ้าใส่กะโหลกชะโงกดูเงาตัวเอง” ครับ

          (2) โพสต์ของนายปิยบุตร ส่อไปในทางดูถูกความรู้และภูมิปัญญาประชาชนครับ ที่เขาเชื่อว่าคุณโดนแน่เพราะข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย จากพฤติกรรมและการกระทำของพวกคุณต่างหาก การชี้แจงและอธิบายแก้ข้อกล่าวหาของคุณธนาธรและคุณปิยบุตร เองต่างหาก ที่ฟังแล้วไม่มีเหตุผล ไม่มีนํ้าหนักและพยานน่าเชื่อถือ ชี้แจงอํ้าอึ้งลิ้นพันคอ ยิ่งชี้แจงยิ่งพูดยิ่งเข้าเนื้อตัวเอง หนักไปทางแต่งนิยาย แก้คดีไม่ตรงประเด็น สร้างเรื่องดราม่าเสียมาก บ่อยครั้งคนที่เป็นอาจารย์กฎหมาย เมื่อต้องคดีในศาลแก้คดีให้ตนเองมักไม่รอด ประเภท “ความรู้ท่วมหัวแต่เอาตัวไม่รอด” ครับ

          ที่คนส่วนใหญ่เขาเชื่อว่าพวกคุณโดนแน่ เพราะพวกเราอ่านและศึกษากฎหมายรัฐธรรมนูญ ดูแนวคำวินิจฉัยของศาลฎีกา ศาลรัฐธรรมนูญ ที่ผ่านมาเทียบเคียง อ่านกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรค การเมือง และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ฟังความคิดเห็นจากผู้ทรงคุณวุฒิทางกฎหมาย นักวิชาการ ผู้มีประสบการณ์ทางกฎหมายอื่นๆ ประกอบการพิจารณาครับ ไม่ได้ฟังแค่ความคิดเห็นทางกฎหมายของพวกที่เพิ่งจบกฎหมาย ท่องตำราสอบได้ปริญญาตรี โท เอก ที่ยังอ่อนด้อยประสบการณ์การปฏิบัติจริงเท่านั้น จึงเชื่อว่าพวกคุณโดนแน่

          (3) พวกคุณทำผิดจริงหรือไม่ศาลจะเป็นผู้พิจารณาและวินิจฉัย ประชาชนมีวิจารณญาณในการรับฟังข่าวสาร และรู้ดีว่าเมื่อศาลมีคำวินิจฉัยอย่างไร ทุกคนให้ความเคารพและฟังเป็นยุติ ไม่ว่าผลแห่งคดีจะเป็นอย่างไร จะตีโพยตีพายกล่าวว่าถูกกระบวนการยุติธรรมกลั่นแกล้งเล่นงาน ก็เห็นมีแต่พวกคุณเท่านั้น แม้เรียนกฎหมายศึกษากฎหมาย แต่กลับมีทัศนคติที่ไม่เคารพและเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรม หากพวกคุณต้องคำพิพากษาว่าผิด ล้วนเป็นไปตามกรรมและการกระทำของพวกคุณ ไม่มีผู้มีอำนาจคนใดมาสั่งให้พวกเราเชื่อ และผู้มีอำนาจทุกยุคทุกสมัย ไม่มีใครอยู่คํ้าฟ้าและไม่มีใครมีอำนาจกดหัวประชาชนได้ รวมถึงพวกคุณด้วย

          จงอย่าทำตัวอวดดีสั่งสอนประชาชน ทำผิดแล้วสำนึกแก้ไข ประชาชนยังให้โอกาส ทำผิดแล้วดื้อด้านไร้สำนึกย่อมถูกประชาชนลงโทษ ขอบอกว่าโพสต์ในทวิตเตอร์ของคุณปิยบุตร นอกจากไม่ได้รับความเห็นใจความเข้าใจจากประชาชนแล้ว ยังเท่ากับเป็นการขุดหลุมฝังตัวเอง ตอกยํ้าความเชื่อของประชาชนว่า พวกคุณอันตรายจริงๆ จากการกระทำและพฤติกรรมทางการเมืองของพวกคุณนั่นเอง

          นอกจากโพสต์ที่เผยให้เห็นธาตุแท้ ของแกนนำพรรคอนาคตใหม่ดังกล่าวแล้ว การที่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล ให้สัมภาษณ์แทบลอยด์ ไทยโพสต์ โดยสรุปที่พวกตนต้องคดีหลายสิบคดีในขณะนี้ว่า “ผมมองภาพรวมแบบนี้ว่า มันเป็นกระบวนการที่สอดคล้องต้องกันกับแนวโน้มของโลก เขากำลังนิยมทำกันคือ Lawfare ที่ล้อมาจากคำว่า Warfare......Lawfare ทำงานโดยมี 2 เครื่องมือหลักๆ คือ เอาประเด็นการเมืองให้ไปอยู่ในมือศาล...แล้วก็เอาประเด็นการเมืองที่อยู่ในศาลไปอยู่ในมือสื่อ หมายถึงสื่อที่จะช่วยกันทำข่าวชี้นำสังคมไปเรื่อยๆ “ผิดแน่ ผิดแน่ ไม่รอด ไม่รอด โดนแน่” พูดทุกวัน

          พูดง่ายๆ ก็คือนายปิยบุตร กำลังปลุกผี สร้างกระแส เพื่อหวังให้สังคมเชื่อว่า พวกเขาโดนกระบวนการยุติธรรมเล่นงาน โดยมีผู้ร่วมกระทำกันเป็นขบวนการ เพื่อทำลายพวกเขาพรรคอนาคตใหม่ ทั้งๆ ที่พวกเขาไม่ได้ทำผิดอะไร กล่าวหาว่าการเมืองร่วมมือกับศาลและสื่อมวลชน ร่วมกันทำลายพวกเขาว่างั้นเถอะ สร้างความสำคัญให้ตนเองว่า พวกเขาเป็นอันตรายกับผู้มีอำนาจ

          พิเคราะห์แล้วบอกตรงๆ รู้สึกเอียนครับ กลุ่มการเมืองพรรคนี้ สร้างราคาตีค่ายกตัวเองว่าสำคัญกับบ้านเมืองเหลือเกิน ใครไม่ยกย่องชื่นชมก็ยกหางตัวเอง ทั้งๆ ที่ยังไม่มีผลงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน

          ความจริงพรรคการเมืองที่ละอ่อน ไร้เดียงสา ดำเนินยุทธศาสตร์ ยุทธวิธีทางการเมืองแบบนี้ ไม่มีอะไรอันตรายน่ากลัวอะไรเลย คนเป็นคู่แข่งไม่ต้องทำอะไร พวกเขาก็สะดุดเท้าตัวเองล้มตายอยู่แล้ว ดำเนินนโยบายสร้างศัตรูรายวันและทุกๆ วัน ทำลายมิตรทำลายแนวร่วม ทำลายพวกเดียวกันเอง แถมเย่อหยิ่งทนงตนสำคัญตนเองผิดอย่างนี้ ไม่มีใครทำอะไรพวกคุณก็ล่มสลายอยู่แล้ว กลับไปประเมินตัวเองเสียใหม่เถิด อย่าทำตัวเป็นกบในก้นบ่อเลย

          ส่วนที่พยายามสร้างวาทกรรม ทฤษฎี Lawfare ถามว่ามันต่างอะไรกับทักษิณที่อ้างว่าตนถูก “ขบวนการยุติความเป็นธรรมเล่นงาน” พวกทำผิดในคดีทุจริตก็ดี พวกต้องคดีทางการเมืองยุคนี้ก็ดี เมื่อไม่มีเหตุผล พยานหลักฐาน ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย มาหักล้างพยานโจทก์หรือผู้กล่าวหา พวกเขาก็หาว่าศาลไม่ยุติธรรมบ้างละ ศาลตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองมาเล่นงานพวกเขา พฤติกรรมมิแตกต่างจากนักการเมืองที่ไร้แผ่นดินอยู่วาทกรรมที่คุณสร้างขึ้น นอกจากอาจเข้าข่ายเป็นความผิดหมิ่นศาล ยังไม่มีเหตุผลไร้นนํ้าหนักที่จะช่วยให้คุณรอดคดีแต่อย่างใด

          พฤติกรรมของพวกคุณเช่นนี้แหละ ที่เป็นอันตรายต่อสังคม หากยึดความคิดและทฤษฎี Lawfare แบบที่นายปิยบุตรอ้างได้ นักการเมืองทั้งหลายที่ต้องคดีทุจริตอย่างทักษิณ และนักการเมืองอื่นๆ ในคดีทุจริตจำนำข้าว คดีรํ่ารวยผิดปกติ หรือนักการเมืองทั้งหลายที่หลุดพ้นจากตำแหน่ง เพราะขาดคุณสมบัติตามกฎหมาย หรือต้องโทษเพราะปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริตทั้งหลาย คงรอดพ้นคดีได้หมด ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และศาลรัฐธรรมนูญ คงไม่ต้องมีไว้เพื่อพิจารณาคดีความผิดนักการเมืองแต่อย่างใด

          อยู่ให้เป็น อยู่ไม่ยากครับ ปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดี เคารพกฎหมายอย่าดิ้นรนหาที่ตาย ก็อยู่อย่างสงบสุขได้