รูดม่านจบไปแล้ว สำหรับ “การประชุมอาเซียนซัมมิท ครั้งที่ 35” และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ที่เมืองทองธานี ที่ผมเชื่อเป็นการส่วนตัวว่าสถานที่ประชุมขนาดใหญ่ของนนทบุรีแห่งนี้ จะถูกเนรมิตเป็นพื้นที่ประชุมแมตช์ใหญ่ๆ แบบนี้อีกในโอกาสต่อๆ ไป ทั้งความง่ายในการจัดการสถานที่ การรักษาความปลอดภัย การจัดการจราจร และการกันม็อบป่วน โดยที่ไม่ต้องใช้กฎหมายพิเศษเหมือนการประชุมอาเซียนซัมมิท เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ที่พัทยาและหัวหิน
แม้การประชุมจะจบ แต่ฝุ่นคลุ้งความทรงจำในการต่อสู้ทางการทูตระหว่าง 10 ชาติ เล็กๆ ของอาเซียน ผนึกกำลังต่อกรกับมหาอำนาจ “สหรัฐอเมริกา” อาจจะตราตรึงประชาคมโลกไปเป็นประวัติศาสตร์การประชุมอาเซียน
ก็เป็นผลพวงสืบเนื่องมาจาก “โดนัลด์ ทรัมป์” บังอาจหยามเกียรติอาเซียนด้วยการมอบหมายให้ “โรเบิร์ต ซี โอไบรอัน” ซึ่งมีตำแหน่งเพียงแค่ “ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐอเมริกา” ไม่ได้เป็นคณะรัฐมนตรีของรัฐบาลสหรัฐฯ มาเป็น “ผู้แทนพิเศษของนายโดนัลด์ ทรัมป์” ในการเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนสหรัฐอเมริกาในการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 35 ซึ่งมีเวทีสำคัญคือ การประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐฯ (ASEAN-US) ครั้งที่ 7
การส่งระดับที่ปรึกษา มางานใหญ่แบบนี้ บอกได้ว่าผู้นำชาติต่างๆ รวมทั้งไทยรู้ดีว่าเป็นตำแหน่งระดับไหนในรัฐบาล แน่นอนว่าต่างพากันเบ้หน้ามองบน และตระเตรียมมาตรการทางการทูตไว้ตอบโต้ล่วงหน้าเอาไว้แล้ว
เริ่มจากประเทศไทยเจ้าภาพ เมื่อ “ทรัมป์” ส่งที่ปรึกษามา จะส่งระดับรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ไปรับถึงหัวกระไดเครื่องบินเครื่องผู้นำชาติอื่นๆ ก็ไม่สมนํ้าสมเนื้อ ก็จัดส่ง “ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ” ไปให้การต้อนรับท่านที่ปรึกษาที่สนามบิน ไม่ได้เป็นระดับรัฐมนตรีเหมือนผู้นำชาติอื่นแต่อย่างใด
โดยในทางการทูตมีเหตุผลรองรับคือ สาเหตุที่ไม่มีระดับรัฐมนตรีมาต้อนรับนายโรเบิร์ต ทั้งที่เป็นผู้แทนประธานาธิบดี แต่เนื่องจากนายโรเบิร์ต มีตำแหน่งเพียงที่ปรึกษาด้านความมั่นคงเท่านั้น เมื่อเทียบกับตำแหน่งของผู้นำชาติอื่นๆ แล้ว ถือว่าเป็น “ระดับล่างกว่า”
เมื่อถึงวันจริง 4 พฤศจิกายน 2562 เวลา 10.30 น. โรเบิร์ต นั่งหัวโต๊ะประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐฯ ท่ามกลางความแปลกประหลาด เพราะปกติผู้แทนของรัฐบาลสหรัฐฯ จะมีประธานาธิบดีหรือไม่เต็มที่รองประธานาธิบดี มานั่งหัวโต๊ะ
ทำให้เห็นปฏิกิริยาจากผู้นำชาติสมาชิกอาเซียน 7 ชาติ ประกอบด้วย กัมพูชา เมียนมา บรูไน อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และ สิงคโปร์ ตัดสินใจแก้เผ็ด ด้วยการส่ง “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ” เข้าร่วมหารือวงนี้แทน ทำให้มีเพียงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะเจ้าภาพและประธานอาเซียน นายเหงียน ซวน ฟุก นายกรัฐมนตรีเวียดนาม ซึ่งจะทำหน้าที่ประธานอาเซียนในปีหน้า และ นายทองลุน สีสุลิด นายกรัฐมนตรีสปป.ลาว ในฐานะประเทศผู้ประสานงานอาเซียน-สหรัฐฯ เท่านั้น ที่เข้าร่วมประชุมด้วยตัวเอง
ทำให้นึกย้อนถึงคำกล่าวถ้อยแถลงของ “บิ๊กตู่” ในพิธีเปิดการประชุมอาเซียนซัมมิทรอบนี้ที่บอกว่า “อาเซียน ไม่เป็นศัตรูกับใคร...ขอเชิญชวนทุกคน ร่วมมือ ร่วมใจ และจับมือกับหุ้นส่วนให้แน่นขึ้น...ร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับภูมิภาคและประชาคมโลก เพื่อประโยชน์ต่อไป”
คอลัมน์ อินไซด์สนามข่าว โดย จีรพงษ์ ประเสริฐพลกรัง
หน้า 14 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,520 วันที่ 7-9 พฤศจิกายน 2562