"เจ้าสัว" สลัดคราบ ธุรกิจครอบครัว

02 พ.ย. 2562 | 05:00 น.

คอลัมน์ข่าวห้ามเขียน ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3519 หน้า 20 ระหว่างวันที่ 3-6 พ.ย.2562 โดย...พรานบุญ


"เจ้าสัว"

สลัดคราบ

ธุรกิจครอบครัว
    

     ป่าใหญ่ในตลาดหุ้นไทยที่เงียบเหงาซบเซาจากการถูกถล่มหนักหน่วงของกองทุน กลับคึกคักขึ้นมาอีกรอบ เมื่อ “กลุ่มสิงห์” ของตระกูลภิรมย์ภักดี ที่ปรับโครงสร้างธุรกิจจากเบียร์ นํ้าดื่ม มาเป็นแม่นํ้า 5 สาย คือ

1.ธุรกิจแอลกอฮอล์ 2.ธุรกิจไร้แอลกอฮอล์ 3.ธุรกิจจัดจำหน่าย 4.ธุรกิจแพ็กเกจจิ้ง 5.ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 

     ส่งบริษัทลูกของ “สิงห์ เอสเตท” ในชื่อบริษัท S Hotels and Resorts จำกัด (มหาชน) ชื่อย่อว่า SHR ซึ่งทำธุรกิจโรงเเรมถึง 39 เเห่ง ใน 5 ประเทศ เข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดจองวันที่ 1-5 พฤศจิกายนนี้ ในราคาหุ้นละ 5.20 บาท

     ดูแล้วทิศทางการทำธุรกิจของเจ้าสัวในประเทศไทย จะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน จากธุรกิจครอบครัวไปสู่ผู้บริหารมืออาชีพ 

     ย้อนกลับไปวันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา นักลงทุนต่างจับจ้องไปที่ AWC หรือ บมจ.แอสเสท เวิรด์ คอร์ป ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเครือ “เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี” เพราะแค่มูลค่าการขายหุ้น IPO ก็ทำให้เป็น Talk of the town เนื่องจากมีมูลค่ามากที่สุดเท่าที่เคยมีมาในประเทศไทย 

     โดยราคาเปิดเทรดวันแรกของหุ้น AWC อยู่ที่ 6 บาทต่อหุ้น “เท่ากับราคาจอง” เงินที่ได้ก็นำไปต่อยอดธุรกิจที่มีอยู่ สร้างการเติบโต สร้างความมั่งคั่งให้กับผู้ถือหุ้นและเจ้าสัวทั้งหลาย

     SHR ประกาศชัด เงินที่ได้จากการระดมทุน IPO จะใช้ขยายธุรกิจโรงแรมและลงทุนพัฒนาโครงการต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ มีเป้าหมายขยายธุรกิจโรงแรมอีกกว่าเท่าตัว

     เมื่อเทียบรุ่นต่อรุ่น หมัดต่อหมัด ผลการดำเนินงานกับคู่แข่งในอุตสาหกรรมโรงแรมที่เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยถือว่าเติบโตสูงที่สุด ระหว่างปี 2559-2561 มีรายได้รวมเติบโตเฉลี่ย 63.1% ต่อปี 968.0 ล้านบาท 1,074.0 ล้านบาท และ 2,575.7 ล้านบาท ตามลำดับ

     ย้อนกลับไปที่ความซบเซาของตลาดหุ้น อาจจะกล่าวได้ว่า 2 เจ้าสัวใหญ่ส่งหุ้น “AWC” และ “SHR” สร้างสีสันให้ตลาดหุ้นช่วงปลายปี ผู้บริหาร SHR ยํ้าหนักแน่น จากการเดินสายโรดโชว์ นักลงทุนไทยและเทศมั่นใจในปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และความสามารถในการสร้างความเติบโตในอนาคตอย่างยั่งยืน

     “SHR” จะเปิดเทรดที่เท่าไหร่? ต้องรอลุ้น แต่ที่แน่ๆเจ้าสัวในไทยสลัดคราบธุรกิจครอบครัว ส่งบริษัทเข้าตลาดหุ้นกันเกือบหมดแล้ว