กกต.-ปปง. ต้องสอบ "ช่อ"1ล้านบาท

29 ต.ค. 2562 | 11:03 น.

คอลัมน์ที่นี่ไม่มีความลับ ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3518 หน้า 16 ระหว่างวันที่ 31 ต.ค.-2 พ.ย.2562 โดย...เอราวัณ

 

กกต.-ปปง.

ต้องสอบ

"ช่อ"1ล้านบาท!

 

     กลายเป็นคนดัง สำหรับสาวโสดวัย 31 ปี สำหรับ ช่อ-พรรณิการ์ วานิช เมื่อทิ้ง Vioce TV มาเป็นโฆษกพรรคอนาคตใหม่ และเป็นส.ส.บัญชีของพรรค ทุกพฤติกรรม ทุกคำพูดของเธอ ทำให้อุณหภูมิการเมืองร้อนฉ่า และกลายเป็น “สายล่อฟ้า” แห่งพรรคอนาคตใหม่  ทั้งเรื่องแฟชั่นส่วนตัว-การสบถว่า “รัฐธรรมนูญเฮงซวย” ทุกมาตรา หรือการปราศรัยจะเอาเสียงประชาชนเป็นแรงกดดันต่อคดีของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และคดีพรรคอนาคตใหม่ ร้อนฉ่าจนคนจ้องตรวจสอบอยู่ไม่น้อย

     แต่ดูเหมือนว่าการเปิดเผยบัญชีผู้บริจาคให้พรรคอนาคตใหม่ จะ “งานเข้า” สำหรับ ช่อ-พรรณิการ์ วานิช อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อกกต. แจ้งว่า ช่อ ได้บริจาคเงินให้พรรคอนาคตใหม่ จำนวน 1 ล้านบาท เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2561 ทั้งที่เธอมีเงินฝากรวมกันที่แจ้งต่อ ป.ป.ช. 4 บัญชีทั้งสิ้น 91,006.87 บาท มีเงินลงทุน 8 รายการรวม 864,000.91 บาท และมีทรัพย์สินอื่นอีก 2 ล้านบาทเศษ จึงเป็นที่น่าแปลกใจว่าคนมีเงินฝากและเงินลงทุนไม่ถึง 1 ล้านบาท กล้าบริจาคเงินให้พรรคการเมืองมากกว่าเงินตัวเอง และเอาเงินที่ไหนมาบริจาค                                            

     จึงเป็นเหตุให้ ศรีสุวรรณ จรรยา ยื่นต่อ กกต.ให้ตรวจสอบเงินบริจาคนี้ แล้วส่งเรื่องให้ ปปง.สอบเส้นทางการเงินจำนวน 1 ล้านบาท ที่เอามาบริจาคว่ามาจากไหน ต้องบอกว่าสืบไม่ยาก เพราะต้อง “มีร่องรอย” ว่ามาจากการเบิกเงินในบัญชีไหน หรือ ใคร “วน” เงินเข้ามาหรือไม่ เพื่อกระจายยอดบริจาคหลีกเลี่ยงกฎหมายห้ามบริจาคเกิน 10 ล้านบาท ตามที่ ศรีสุวรรณ ชี้ประเด็นมั้ย

     เมื่อเข้ามาอาสาตัวตรวจสอบผู้อื่น ก็เป็นเรื่องปกติที่จะต้องถูกตรวจสอบกลับ ช่อ-พรรณิการ์ ยื่นต่อป.ป.ช.ว่ามีรายได้จากเงินเดือน ส.ส. 1,362,720 บาทต่อปี แต่นั่นเป็นรายได้ที่เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2562  รายได้นี่เกิดหลังจากการบริจาค แถมยังมีภาระค่าใช้จ่ายส่วนตัว 690,000 บาทต่อปี ค่าใช้จ่ายในการอุปการะบิดา-มารดา ปีละ 324,000 บาท จึงเกิดคำถามว่า “เอาเงินที่ไหน 1 ล้านบาท” มาบริจาคพรรค ถ้ารวยแบบธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ บริจาค 10 ล้านบาท หรือรวิพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ บริจาค 7.2 ล้านบาท ไม่มีคำถามเพราะมีที่มาของเงินชัดเจน

     กกต.จำเป็นต้องตรวจสอบเรื่องนี้อย่างจริงจัง ไม่ใช่แค่รีบรายงานการบริจาคแล้วจบกัน จะได้เป็นตัวอย่าง ไม่ให้นายทุนพรรค กระจายเงินเพื่อควบคุมพรรค เพราะพรรคการเมืองจะเป็นเพียง ประชาธิปไตยแค่ลมปาก!