คอลัมน์อยู่บนภู ฐานเศรษฐกิจ หน้า 6 ฉบับ 3513 ระหว่างวันที่ 13-16 ต.ค.2562 โดย...กระบี่เดียวดาย
รมต.ดีอี
ต้องไม่ดี
แค่จัดการเฟกนิวส์
ปฏิเสธไม่ได้ว่าโลกดิจิทัล เทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว คุกคามประชาชนคนไทยอย่างแสนสาหัสในระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ธุรกิจที่ปรับตัวรับมือไม่ทัน ถูกพายุดิจิทัลโถมทำลาย
ต้องยอมรับว่าแรงกระแทกจากพายุดิจิทัล ซัดกระหนํ่าเข้าไปในทุกภาคส่วน ที่สำคัญกระเทือนไปถึงฐานรากที่ปรับตัวไม่ทัน ทั้งภาคการผลิตรายย่อย ภาคการเกษตร ส่งผลไปถึงเศรษฐกิจภาพใหญ่
“เหมือนเรากำลังถูกต้อนให้เข้ามุม แล้วหนีไม่ออก ถูกกระหนํ่าอยู่ข้างเดียว รอวันนับก่อนถูกน็อก”
ทุกวันนี้ไม่ต้องพูดถึงว่าจะมีกำรี้กำไรอย่างไร แค่ประคองตัวให้รอดไปวันๆ ได้ก็หรูแล้ว ลองไปดูตามตลาดนัดในต่างจังหวัดทั้งตลาดจรและตลาดจริง มีแต่คนขายเดินชนกันหัวร้างข้างแตก แต่หาคนซื้อไม่ได้ เขาหนีไม่ขายออนไลน์กันหมดแล้ว แต่พวกทำออนไลน์ไม่เป็นก็ขายไม่ออก นั่งเหงาไปวันๆ
เป็นเสียงสะท้อนพ่อค้าแม่ขายในต่างจังหวัด ที่สุดแสนรันทดในชะตากรรม เป็นชะตากรรมที่มีผลพวงมาจากเทคโนโลยีที่การเข้าถึงยังไม่เท่าเทียม ยังขาดความสามารถในการเข้าถึงการดึงมาใช้ประโยชน์
“เหมือนคนในประเทศยืนอยู่บน 2 โลก เป็นโลกของเทคโนโลยีความทันสมัย การบริหารจัดการเนี้ยบ ลดต้นทุน มีประสิทธิภาพโดยเฉพาะองค์กรขนาดใหญ่ที่วิ่งไปแล้ว ด้านหนึ่งเป็นโลกแห่งความอ่อนล้า อ่อนแรงในการถูกเทคโนโลยีไล่ล่า”
เสียงก่นด่า สาปแช่ง ตั้งคำถามจึงถูกยิงตรงไปที่รัฐบาล โดยเฉพาะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ภายใต้การนำของ (บี) พุฒิพงษ์ ปุณณกันต์
คำถามว่ารัฐมนตรีทำอะไรอยู่ในห้วงเฉียด 100 วันที่ผ่านมา นอกเหนือจากการจัดการเฟกนิวส์ ที่กลายเป็นแบรนด์รัฐมนตรีเฟกนิวส์ไปแล้ว
อันที่จริงปัญหาที่เกิดขึ้นและเสียงที่ชาวบ้านสะท้อน ล้วนเป็นหน้าที่ของรัฐมนตรีดีอีเอส ในการบริหารจัดการดึงเทคโนโลยีมารับใช้ชาวบ้าน ขับเคลื่อนรองรับเศรษฐกิจและสังคม นำพาประชาชนคนไทยเข้าไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัลโดยไม่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
รัฐมนตรีดีอีเอสคงต้องหันไปทบทวน การดำเนินการ การบริหารกระทรวง ให้นำการเปลี่ยนแปลงไปสู่ “สังคมดิจิทัล” ให้ได้ ที่ผ่านมามีการวางโครงการดิจิทัลชุมชนด้าน E-Commerce ให้บูรณาการใช้ประโยชน์จากเน็ตประชารัฐ ไปสู่การขยายช่องทางการจำหน่ายสินค้าของผู้ประกอบการและกลุ่มวิสาหกิจชุมชนต่างๆ ผ่านระบบบริหารร้านค้าปลีกชุมชน
ต้องเหลียวกลับไปดูโครงการใช้ประโยชน์จากบิ๊ก ดาต้า เพื่อสร้างสังคมดิจิทัล มีการริเริ่มนำข้อมูลผู้มีรายได้น้อยที่ลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐไปเชื่อมกับข้อมูลสำมะโนเกษตร วิเคราะห์ข้อมูลสถานะของเกษตรกรผู้มีรายได้น้อย ความต้องการช่วยเหลือของภาคเกษตร ที่เป็นประชากรกลุ่มใหญ่ หลังจากนั้นหน่วยงานรัฐจะได้เข้าไปช่วยแก้ปัญหาให้ตรงจุด
“การใช้ข้อมูลบิ๊กดาต้าเข้าไปแก้ปัญหาความยากจนของเกษตรกรต้องให้ชัดเจนตรงจุดมากขึ้นและต้องรวดเร็ว กระทั่งใช้บิ๊ก ดาต้าเตือนภัยภาคเกษตร ดูอุณหภูมิ สภาพอากาศ พยากรณ์เพื่อเตรียมการผลิต อย่างน้อยจะช่วยได้ระดับหนึ่งในการเตรียมความพร้อมให้ภาคผลิต”
รัฐมนตรีดีอีเอส ต้องไม่แค่เก่งเรื่องไอที ฉลาดในด้านดิจิทัล มุ่งฟาดฟันเฟกนิวส์เท่านั้น บางเรื่องที่เป็นงานรูทีนให้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องเขาดำเนินการไป บางภารกิจฝ่ายความมั่นคง เขาดำเนินการไปตามภารกิจหน้าที่ บทบาทของพวกเขาที่ต้องทำอยู่แล้ว
รัฐมนตรีดีอีเอสต้องหันกลับมา จัด “ไพออริตี” การทำงานของตัวเอง ต้องทบทวนอันไหนต้องทำก่อน ทำหลัง เรื่องไหนต้องสนใจ ใส่ใจให้ความสำคัญเร่งด่วน
เป็นรัฐมนตรีดีอีเอสต้องไม่มีดีแค่จัดการเฟกนิวส์เท่านั้น....!!!