“...กระทรวงศึกษาธิการจะตัดลดงบประมาณที่ไม่จำเป็น และไม่เกิดประโยชน์โดยตรงต่อผู้เรียนและการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียน...”
วรรคทองของ “ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ” บนเวทีประชุมนานาชาติเรื่องการขับเคลื่อนทักษะความคิดสร้างสรรค์และการคิดวิเคราะห์ในโรงเรียน ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร ตามคำเชิญอย่างเป็นทางการขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organization for Economic Co-operation and Development: OECD) ในการบรรยายในหัวข้อ “การปฏิรูประบบการศึกษาเพื่อการพัฒนานวัตกรรม” ร่วมเวทีกับ รมว.ศึกษาออสเตรเลีย รมว.ศึกษาธิการแคว้นเวลส์ สหราชอาณาจักร ผู้แทนรัฐบาล นักการศึกษา นักวิทยาศาสตร์รางวัลโนเบล สมาชิกวุฒิสภา ศิลปิน และผู้บริหารองค์กรการศึกษากว่า 200 คน จากทั่วโลก
กลับมาจากงานนั้น อาจารย์ณัฏฐพล ยํ้าอีกรอบแบบขยายความ ในการประชุมผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อวางแผนการทำงานในอนาคตให้มีทิศทางเดียวกันในปีงบประมาณ 2563 จึงกำชับในที่ประชุมว่า การใช้จ่ายงบประมาณของกระทรวงเป็นเรื่องสำคัญมาก
“ดังนั้นขอความร่วมมือทุกภาคส่วนงดดูงานต่างประเทศ 1 ปี ลดการจัดอบรมสัมมนาด้วยค่าใช้จ่ายที่สิ้นเปลืองแต่ให้นำเทคโนโลยีเข้ามาใช้งานให้มากขึ้น พร้อมกับยกเลิกการจัดอีเวนต์ รวมถึงให้ทบทวนงบประมาณที่มีความซํ้าซ้อน เนื่องจากพบว่างบประมาณที่ซํ้าซ้อนจะอยู่ในเรื่องหลัก คือ การลงทุนด้านเทคโนโลยี ซึ่งต้องการดึงระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของทุกแท่งมาไว้ที่ส่วนกลาง เพื่อให้ง่ายต่อการบริหารจัดการข้อมูล เพื่อให้เกิดความเป็นเอกภาพในการบริหารงาน”
คำถามว่าทำไมรมต.จึงจริงจังกับเรื่องงบประมาณของกระทรวง
คำตอบที่คุณครูทั้งหลายควรทราบ เพราะกระทรวงศึกษาธิการ ถูกลดงบประมาณนะสิครับ
ผมไล่ย้อนดูข้อมูลจากสำนักงบประมาณพบว่า ปี 2560 กระทรวงศึกษาฯ ได้รับการจัดสรรงบ 1.08 แสนล้านบาท ปี 2561 ได้รับการจัดสรรงบ 297.3 แสนล้านบาท ปี 2562 ขยับขึ้นมาไม่น้อยได้รับการจัดสรร 3.69 แสนล้านบาท แต่ล่าสุดกรอบงบปี 2563 ที่เขียนในร่างพ.ร.บ.งบฯ กลับพบว่างบกระทรวงศึกษาธิการถูกหั่นไป 386 ล้านบาท
ความท้าทายของกระทรวงศึกษาธิการในยุคนี้ คือต้องทำงานตอบโจทย์นโยบายไทยแลนด์ 4.0 เดินเคียงคู่ไปกับ “กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)” กระทรวงน้องใหม่ที่เฉือนบางหน่วยงานออกจากกระทรวงศึกษาฯ มาบริหารจัดการเอง
และพบว่า กระทรวงอว.ได้รับการจัดสรรงบประมาณเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน เมื่อปี 2562 อว.ได้รับการจัดสรรงบ 1.37 แสนล้านบาท และล่าสุดปี 2563 ตามร่างพ.ร.บ.งบฯ จะได้รับการจัดสรรเพิ่มขึ้น 2.8 พันล้านบาท เป็น 1.4 แสนล้านบาท
จึงไม่น่าแปลกใจที่ รมต.ณัฏฐพล จะซีเรียสและยํ้าว่า “ผมอยากให้ ศธ.ทำงานร่วมกันเป็นทีมไม่แบ่งแยกใครอยู่หน่วยงานไหนหรือสังกัดไหน แต่อยากให้การทำงานบูรณาการเชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียวกัน โดยเฉพาะให้มีการควบรวมการทำงานในแต่ละองค์กรหลัก ศธ.ที่อาจจะซํ้าซ้อนหรือใช้บุคลากรให้น้อยลงกว่านี้ เช่น ฝ่ายต่างประเทศ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ ฝ่ายเทคโนโลยี ฝ่ายกฎหมาย เป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้ ศธ.มีประสิทธิภาพการทำงานมากขึ้น”
คอลัมน์ อินไซด์สนามข่าว โดย จีรพงษ์ ประเสริฐพลกรัง
หน้า 14 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,512 วันที่ 10-12 ตุลาคม 2562