"ม็อบฮ่องกง" ยืดเยื้อ กระทบธุรกิจเป็นลูกโซ่ กู่ไม่กลับ

05 ต.ค. 2562 | 23:00 น.

คอลัมน์ฐานโซไซตี ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3511 หน้า 4 ระหว่างวันที่ 6-9 ต.ค.2562 โดย...พริกกะเหรี่ยง


"ม็อบฮ่องกง" ยืดเยื้อ
กระทบธุรกิจเป็นลูกโซ่ กู่ไม่กลับ

 

          ดีกรีความรุนแรงของ “ม็อบฮ่องกง” ยิ่งเป็นการซํ้าเติมเศรษฐกิจฮ่องกงที่อาศัยภาคบริการเป็นหลัก ทั้งท่องเที่ยว -ช็อปปิ้ง-ร้านค้า สำนักงานการค้าในต่างประเทศ ฮ่องกง ถึงได้ออกมาระบุว่าเหตุประท้วง ทำนักท่องเที่ยว “ลดลง” ต่อเนื่องอย่างเห็นได้ชัดในเดือนสิงหาคม ทั้งที่เป็นพีกซีซันทางการท่องเที่ยว

          สอดคล้องกับ “Paul Chan Mo-po” รัฐมนตรีการคลังฮ่องกง โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลว่า นักท่องเที่ยวลดลงถึง 40% ในเดือนสิงหาคมเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งถือว่าลดลงมากที่สุดนับจาก “วิกฤติโรคซาร์ส” ระบาดเมื่อปี 2546 ฝันร้ายของธุรกิจการท่องเที่ยว ที่แทบจะล้มละลายในพริบตา เพราะคนไม่กล้าขึ้นเครื่องบิน สนามบินทุกแห่งตรวจเข้มและมีการ “กักตัวผู้โดยสาร” กลุ่มเสี่ยงจนขยาดการเดินทางไปชั่วขณะ
 

          ขณะที่สถานการณ์ฮ่องกงขณะนี้เลวร้ายลงเรื่อยๆ เมื่อผู้ประท้วงยังคงปักหลักยึดพื้นที่ย่านศูนย์การค้า ปิดกั้นสถานีรถไฟฟ้าเท่ากับเป็นการตัดขาดระบบโลจิสติกส์ ส่งผลให้การเดินทางเป็น “อัมพาต” ทั้งยังเปิดฉากปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เผาทำลายข้าวของเป็นระยะ จนตำรวจต้องใช้กระสุนจริง เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาซึ่งตรงกับวันชาติจีนวันที่ 1 ตุลาคม ช่วงโกลเดน วีก วันหยุดยาวของคนจีน ตามปกติคนจีนจะไปเที่ยวฮ่องกงมากสุด ตัวเลขปีที่แล้วสูงถึง 51 ล้านคน การประท้วงครั้งนี้หากคนจีนแอนตี้ไม่เที่ยวฮ่องกงก็จบกัน

          แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ “กรุงปักกิ่ง” ไม่ได้สะทกสะท้าน! ประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง” จัดงานยิ่งใหญ่ เฉลิมฉลองวันชาติจีนเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม อย่างอลังการทั้งโชว์สุดยอดยุทโธปกรณ์ แสนยานุภาพกองทัพจีนที่ยิ่งใหญ่ให้ชาวโลกตะลึง! ถึงความสุดลํ้าด้านไฮ-เทคเป็นมหาอำนาจโลก ไม่ว่าจะเป็นขีปนาวุธ อากาศยานล่องหน ซึ่งจีนทุ่มงบวิจัย และพัฒนามานาน โดยไม่แยแสความวุ่นวายในฮ่องกงสักนิด ส่วน “ม็อบฮ่องกง” จะว่าไปแล้วยิ่งยืดเยื้อยาวนานก็เท่ากับเป็นการทุบหม้อข้าวตัวเอง เศรษฐกิจก็ถดถอยลงทุกวัน 

          ยิ่งมีเสียงเรียกร้องจากฝ่ายตำรวจให้ประกาศ “เคอร์ฟิว” เพื่อลดการเผชิญหน้า ระหว่างม็อบกับเจ้าหน้าที่ ก็เท่ากับเป็นการทุบธุรกิจฮ่องกงชํ้าหนักเข้าไปใหญ่ โดยเฉพาะธุรกิจบริการไนต์ไลฟ์ เอนเตอร์เทนต่างๆ ที่เคยเป็นสีสันในการดึงดูดนักท่องเที่ยวของฮ่องกง ผลตามมาธุรกิจรายย่อยน่าจะสายป่านขาดก่อน ฮ่องกงยามนี้มีแต่ “ทรง” กับ “ทรุด” และหนักไปทางประเด็นหลังเสียมากกว่า

          หากขืนปล่อยไว้นานวันก็ยิ่ง “ฟื้นยาก” เพราะยังมีปัจจัยภายนอกเข้ามากระทบ ทั้งเศรษฐกิจโลกเทรดวอร์ ค่าเงินที่ผันผวน หลายธุรกิจเริ่มออกอาการขาดสภาพคล่องทางการเงิน ต้องลดวันทำงาน แอร์ไลน์ โดนก่อน ยอดเข้าพักโรงแรมลดฮวบ ลดราคาเท่าไรก็ไม่มีนักท่องเที่ยว กระทบเป็นลูกโซ่ จนกู่ไม่กลับ

          ส่วนท่องเที่ยวไทยหลังประสบผลสำเร็จจาก “ชิม ช้อป ใช้” เฟสแรก ตามด้วยดราม่าต่างๆ นานา สารพัด แต่กระทรวงการคลังไล่แก้ต่างจนเคลียร์ทุกปม “ดราม่า” จนทำคลอดเฟส 2 ที่จะตามมาคือ มาตรการ “100 เดียวเที่ยวทั่วไทย” จำกัดแค่ 4 หมื่นคนรับสิทธิ์ซื้อแพ็กเกจราคาพิเศษเพียง 100 บาทต่อ 1 รายการ ในรูปแบบชิงโชค ผ่านการลงทะเบียน และ “เที่ยววันธรรมดา ราคาช็อกโลก” จะเน้นคนที่ไม่มีปัญหาเที่ยววันธรรมดา เช่น กลุ่มคนเกษียณ วัยรุ่นจบใหม่ ไปเที่ยว ซึ่งหวังว่า “เฟส 2” ประชาชนคงไม่ต้องอดหลับอดนอนมาแย่งชิงกันลงทะเบียน จนขอบตาดำเป็นหมีแพนด้าก็แล้วกัน

          เริ่มแล้ววันนี้งานมหกรรมหนังสือ และขอแนะนำหนังสือเด่นในรอบปีทรงควรค่าแก่การอ่านและเก็บสะสม หนังสือ “พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ รัฐบุรุษคู่แผ่นดิน” โดยทีมงานกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ และซีเอ็ดบุ๊ค ได้ร่วมกันจัดพิมพ์ขึ้น เพื่อเป็นการ “จารึกความดีไว้ในแผ่นดิน” ที่รวบรวมเนื้อหาในรูปเล่มพ็อกเกตบุ๊ก ความหนา 400 หน้า ในราคาเล่มละ 420 บาท หาซื้อได้ใน “งานมหกรรมหนังสือระดับชาติ” วันนี้ถึงวันที่13 ตุลาคม ณ ชาเลนเจอร์ 2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี และวางจำหน่ายที่ร้านซีเอ็ดบุ๊ค ทุกสาขา และร้านหนังสือชั้นนำทั่วไป