เลือกตั้งท้องถิ่น “อิทธิพล”หรือ “บารมี” จะกุมใจชาวบ้าน

28 ส.ค. 2562 | 09:27 น.

คอลัมน์ปฏิกิริยา ฐานเศรษฐกิจ ...โดย บิ๊กอ๊อด ปากพนัง

 

 

ขณะนี้ก็พอเห็นเค้าโครงได้แล้วว่าการเลือกตั้งท้องถิ่นที่จะมีขึ้นเร็วๆนี้ ในขอบเขตทั่วประเทศจะเป็นการต่อสู้กันระหว่างพันธมิตร 7 พรรค (ฝ่ายค้าน) และพรรคพลังประชารัฐเป็นหลัก โดยจะมีพรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทยเข้าแทรกแซงในบางพื้นที่

 

แต่ต้องไม่ลืม “ตัวแปรสำคัญ” อย่างพรรคอนาคตใหม่ ที่อาจจะตัดสินใจส่งผู้สมัครที่เป็น “คนรุ่นใหม่” และมีทั้ง “ความสด” และ “ความใหม่” ลงชิงชัยในทุกสนามเช่นกัน 

 

นับจากวินาทีนี้ไปจนถึงวันเลือกตั้ง โปรดติดตามแบบห้ามกระพริบตาเด็ดขาด

 

มิใช่เพียงพรรคอนาคตใหม่ มิใช่เพียงพรรคเพื่อไทย มิใช่เพียงพรรคประชาธิปัตย์ มิใช่เพียงพรรคพลังประชารัฐ ที่เริ่มแสดงท่าทีอย่างแจ้งชัดในการรุกเข้าไปยังการเมืองท้องถิ่น 

 

เริ่มกำหนดทิศทางเปิดยุทธการรบ คัดคนนั้นเลือกคนนี้ลงชิงเก้าอี้สนามเลือกตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ทั่วประเทศ ทั้ง 7,853 แห่งแยกเป็นเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) 76 แห่ง, เทศบาล 2,440 แห่ง และองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) 5,335แห่ง, ท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ (กทม.กับเมืองพัทยาอีก 2 แห่ง (ที่มา : กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น)

 

ดูเอาแล้วกันว่าขุมพลังท้องถิ่นนับรวมได้ไม่ต่ำกว่าหลักหมื่นเห็นๆ

 

จากนี้ไปสนามเลือกตั้งระดับท้องถิ่นที่จะมาถึง จะเป็นสมรภูมิที่ร้อนแรง และดูเหมือนว่าบรรยากาศความอึดอัดมา 5 ปีเต็ม ก็ค่อยๆ กระฉับกระเฉงมีชีวิตชีวากันทั่วแผ่นดิน

สภาพความเป็นจริงในพื้นที่ต่างๆ เวลานี้ จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าในแต่ละจังหวัดผู้กว้างขวางหลายกลุ่มเริ่มออกตัวเคลื่อนไหวหาพรรค และพรรคทั้งใหม่และเก่าก็เริ่มตระเวนไปตามภาคต่างๆเพื่อแสวงหากำลังสนับสนุน แสวงหาคนที่มีชื่อเสียง คนที่สังคมรักเข้าทำงานการเมืองระดับท้องถิ่นในนามพรรคกันแล้ว

 

การวางตัวผู้สมัครเริ่มฝุ่นตลบถึงระดับตำบล เพิ่มความสับสน เพิ่มความขัดแย้งขึ้นแล้วทั้งในพรรคเดียวกันและระหว่างพรรค หรือระหว่างกลุ่มผลประโยชน์ในท้องถิ่น

 

เป็นสงครามใหญ่ที่เลี่ยงไม่ได้อย่างแน่นอน 

 

ผู้เขียนยกตัวอย่างให้เห็นชัดๆอย่างพื้นที่ภาคใต้ทั้ง 14 จังหวัด จะเป็นสนามประลองกำลังระหว่างพรรคประชาธิปัตย์ เจ้าถิ่นที่เคยครองแชมป์มานาน กับพรรคพลังประชารัฐ และพรรคอนาคตใหม่ ดูได้จากการเลือกตั้งใหญ่ครั้งที่ผ่านมา พรรคอนาคตใหม่และพรรคประชารัฐสามารถปักธงในภาคใต้ได้มิใช่น้อยทีเดียว

 

ขอย้ำว่าเวทีเลือกตั้งระดับท้องถิ่นนั้นเป็นการเมืองฐานรากที่จะนำไปสู่ความสำเร็จในการเมืองระดับชาติ ไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมืองใด ฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้านต่างก็ปรารถนายึดครองพื้นที่เหล่านี้อย่างยิ่ง 

 

เพราะจะเป็นขุมพลังของอำนาจ อิทธิพล บารมี สิ่งนี้เกี่ยวพันกันเป็นลูกโซ่และเครือข่ายของนักการเมืองในระดับชาติ และระดับท้องถิ่น

 

เพียงแต่ว่า...

 

ในเวทีการต่อสู้ทางการเมือง ในวิถีทางระบอบประชาธิปไตย ที่ผ่านกระบวนการเลือกตั้ง การตัดสินใจของประชาชน เสมือนผู้เป็นกรรมการตัดสินนั้น 

 

ย่อมต้องผ่านอุปสรรคการพิสูจน์ในหลายด้าน

 

โดยเฉพาะผู้ที่จะเข้าไปนั่งอยู่ในหัวใจของประชาชนนั้นไม่ง่าย

 

ในความหมายนี้ หมายความว่าการต่อสู้ทางการเมืองในช่วงหลายๆปีที่ผ่านมา ทำให้ประชาชนทุกระดับชั้น  เปลี่ยนมาเป็นผู้มีอุดมการณ์ มีความรู้ เกิดการตื่นตัวทางการเมืองอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน  ซึ่งเกิดผลขึ้นแล้วกับการเลือกตั้งสนามใหญ่อย่างสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ผ่านมา

 

ผู้เขียนขอบังอาจทำนายไว้ตรงนี้ว่า การเลือกตั้งระดับท้องถิ่นรอบนี้ หลังรัฐบาลกำหนดวันชัดเจนอีกครั้ง จะเป็นปรากฎการณ์ใหม่ที่จะส่งผลสะเทือนดังคลื่นซัดฝั่งกับทุกพรรคการเมือง ที่อาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้หลายพื้นที่ หลายจังหวัด หลายพรรค หลายคนเกิดอาการ “น้ำตาเช็ดหัวเข่า” 

 

ต้องจับตาดูกันว่า  “อิทธิพล” หรือ “บารมี” จะกุมใจชาวบ้านได้