โหมไฟชิงอำนาจ...การเมืองท้องถิ่น

21 สิงหาคม 2562

คอลัมน์ปฏิกิริยา ฐานเศรษฐกิจ ...โดย บิ๊กอ๊อด ปากพนัง

 

 

ศึกเลือกตั้งท้องถิ่น การเมืองท้องถิ่นความ “ใหญ่” ภายใต้ความ “เล็ก” มหกรรมเลือกตั้งที่ซุกซ่อนความเผ็ดร้อน เร้าใจ ไขว่คว้า อำนาจ บารมีที่ทุกพรรคกระสันหา

 

เราอาจคิดกันว่า การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการเลือกตั้งระดับประเทศ เป็นการเลือกตั้งครั้งใหญ่ มีส.ส. และส.ว.เป็นตัวแทนประชาชน เพื่อบริหารประเทศ แต่เอาเข้าจริงแล้ว ผู้แทนที่ใหญ่จริง  เสียงจริง ที่อยู่ใกล้ชิดประชาชน คือ ผู้แทนจากสนามการเมืองท้องถิ่นต่างหาก 

 

นั่นก็คือ บรรดาสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.) สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.) ตลอดจนสมาชิกสภาเทศบาลต่างๆ สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เป็นต้น 

 

พวกเขาเหล่านี้ต่างหากที่รู้จักรู้ใจ เข้าถึงประชาชนและจะเอาชนะใจประชาชนได้ เป็นบุคคลที่ชาวบ้านคาดหวังให้ช่วยเหลือเกื้อกูล 

ผู้แทนเหล่านี้จะทำทุกอย่างเพื่อมัดใจชาวบ้าน ทำทุกวิถีทางให้ชาวบ้านชื่นชอบ ศรัทธาทั้งทางตรงและทางอ้อม ซึ่งผมจะไม่เอ่ยเอื้อนรายละเอียด

 

เพราะประเด็นที่ผมอยากเปิดสมองให้ท่านอ่านเพลิน ๆเท่านั้น คือ ผ่านมา 5 ปี หลังบ้านเมืองถูกแช่แข็งภายใต้ภาวะไม่ปกติ หรือพูดบ้าน ๆ คนไทยเห็นต่าง ขัดแย้ง จนบุคคลในเครื่องแบบต้องออกมารักษาประเทศไว้ 

 

บัดนี้เราได้รัฐบาลใหม่แล้ว แม้จะถูกกล่าวหาว่าเป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ แต่ก็ดีกว่าไม่มี เพราะต่างชาติไม่มองหรอกว่ารัฐบาลเสียงปริ่มไม่ปริ่ม มีรัฐบาลถือว่าประชาธิปไตยแล้ว ประเทศมีความมั่นคงคบหาได้ (แม้ว่าผู้นำจะเป็นทาหารคนเดิม ฮา...)

 

ใครๆก็ทราบแล้วว่าการเลือกตั้งใหญ่ มีพรรคการเมืองใหม่ ๆ ได้เติบโตขึ้น มีคนรุ่นใหม่ตั้งพรรค คนรุ่นใหม่เข้าร่วมในพรรคใหญ่เก่าแก่ก็หลายพรรค บางพรรคโค่นบัลลังก์ หรือยึดตำแหน่ง สส.เก่าหลายสมัยไปอย่างไม่น่าเชื่อ โดยเฉพาะพรรคการเมืองใหญ่ ที่ก่อตั้งมายาวนาน ถูกทุบสถิติ เสียที่นั่งไปถึงครึ่งหนึ่งที่เคยได้ 

 

สำหรับการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น และผู้บริหารท้องถิ่น ทั่วประเทศ หลังเกิดรัฐบาลแล้ว จะมีการจัดตั้งทุกรูปแบบ จำนวนถึง 7,852 แห่ง ในช่วงเวลาถัดไปไม่กี่เดือนนี้ 

 

จะถือเป็นมหกรรมการเลือกตั้งครั้งใหญ่ที่สุดของไทยเลยก็ว่าได้

 

สิ่งที่น่าจับตาและมองทอดสายตาออกไปไกลๆ คือ มีความชัดเจนว่าพรรคการเมืองระดับชาติต่างให้ความสำคัญกับการเลือกตั้งท้องถิ่นมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ตั้งแต่ช่วงนี้จนข้ามถึงปี 2563 การเมืองจะคึกคักเข้มข้น

 

ขณะนี้ได้เกิดการเคลื่อนไหว ปักธง ประกาศชิงชัย ปี่กลองเริ่มโหมประโครมกันอย่างเร่าร้อนทั่วทุกหย่อมหญ้า 

 

มีทั้งศึกต่างวัย ศึกต่างพรรค ศึกต่างสี อาทิ ในพื้นที่เมืองสำคัญต่างๆได้กำหนดตัวบุคคลไว้แล้วพร้อมกระสุนและเสบียงกรัง ไม่ว่าจะเป็นค่ายพลังประชารัฐ ค่ายเพื่อไทย ค่ายประชาธิปัตย์ ค่ายภูมิใจไทย รวมทั้งค่ายอนาคตใหม่

 

สำหรับคอการเมืองแล้วย่อมเห็นมาแล้วว่าการเลือกตั้งส.ส. 24 มีนาคมนั้น การเมืองท้องถิ่นมีส่วนชี้เป็นชี้ตายในสนามเลือกตั้งส.ส.ในหลายท้องที่ค่อนข้างชัดเจน และจะถือเป็นการหมดยุคที่ก่อนหน้านี้มักจะพูดกันว่า “การเมืองท้องถิ่นต้องเป็นอิสระจากการเมืองระดับชาติ” 

 

นั่นหมายความว่าอะไรครับท่านลองนึกดู จะเรียกว่ากุมอำนาจเบ็ดเสร็จได้มั้ยครับ ผมขอยังไม่สรุป

 

แต่ประเด็นที่อยากฝากเป็นคำถามเป็นข้อคิดคือ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งใหญ่ๆ นั้น มีงบประมาณปีละเป็นหมื่นๆ ล้านบาท เป็นจำนวนเงินมหาศาลที่นักการเมืองส่วนท้องถิ่นสามารถหยิบฉวยมาใช้สร้างความร่ำรวยและอำนาจไม่ยากเย็นนักและยังนำไปสู่ความยิ่งใหญ่ทางด้านการเมืองระดับชาติ

 

โปรดจับตา.....นักการเมืองท้องถิ่นผู้ซุกซ่อนความกระสัน เร่าร้อนอยู่ภายใน

 

ตอนหน้าห้ามพลาด “ผ่ายุทธการยึดหัวเมืองเลือกตั้งท้องถิ่น”