คอลัมน์อยู่กับปัจจุบัน ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3497 หน้า 7 ระหว่างวันที่ 18- 21 สิงหาคม 2562 โดย พงษ์ศักดิ์ ศรีสด
เหตุการณ์โลกวันนี้ยังฝุ่นตลบอยู่ด้วยปัญหาเดิมๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจหรือการประท้วงที่ฮ่องกง หรือกระทั่งการเมืองบ้านเราที่ฝ่ายค้านประกาศ “จองกฐิน” จะตรวจสอบรัฐบาล “ประยุทธ์ 2” อย่างเข้มข้น...
ทั้งการพิจารณาร่างกฎหมายต่างๆ พระราชบัญญัติงบประมาณ ปี 2563 การยื่นกระทู้ต่างๆ เพื่อให้ “บิ๊กตู่” มาตอบข้อซักถามในสภา หลังพบว่าการทำหน้าที่ของรัฐบาล “ปริ่มนํ้า” มีปัญหาและท้าทายต่อการอยู่รอดไม่รอดของรัฐบาล
ขณะที่เศรษฐกิจโลกและไทยเอง ก็มีปัญหาหนี้สาธารณะที่รัฐบาลต้องกู้มาเพื่อพัฒนาประเทศ และยังต้องแบกรับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้นของทุกกระทรวง...
เช่นเดียวกับสงครามการค้าของสหรัฐฯ กับจีน และของสหรัฐฯ กับยุโรป ที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลก รวมทั้งหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้นและมีผลกระทบต่อกำลังซื้อของธุรกิจท้องถิ่น
ทำให้เกิดการผูกขาดทางการค้าโดยธุรกิจขนาดยักษ์ และเงินไหลเวียนเข้าสู่กระเป๋ากลุ่มคนรวย คนจนยิ่งจนลง คนที่ประคับประคองตัวอยู่ได้ คือ ข้าราชการและรัฐวิสาหกิจที่มีรายได้มั่นคง แต่ราคาสินค้าก็ถีบตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ
นี่คือ เหตุผลว่าทำไม เศรษฐกิจระดับล่างถึงมีสภาพแบบนี้ ซึ่งประเทศสหรัฐฯ เองก็เคยเกิดขึ้นเมื่อปลายยุค “สงครามเย็น” มีสภาพเช่นเดียวกับเมืองไทยตอนนี้เลย แต่ในวิกฤติก็มีโอกาส และอีกไม่นานไทยก็คงจะฟื้นขึ้นมาแน่นอน
ส่วนการประท้วงที่ฮ่องกงก็จะเป็นการ “วัดใจ” จีน ว่าจะสลาย “ม็อบ” ก่อน หรือหลังการประชุม G7 ที่กำลังจะมีขึ้นที่ Biarritz ประเทศฝรั่งเศส ในระหว่างวันที่ 24-26 สิงหาคมนี้
เพราะว่าหากจีนลุย “ม็อบ” ก่อน G7 ก็จะนำเรื่องนี้เข้าพิจารณาเป็นวาระด่วนเพื่อเล่นงานจีนในที่ประชุมทันที เว้นแต่จะลุยหลังจากนั้น เพื่อที่จะทำให้จีนยังพอมีเวลาแก้ไขสถานการณ์ต่างๆ...
ถามว่า G7 สำคัญอย่างไร? G7 ประกอบด้วย สหรัฐฯ อังกฤษ เยอรมนี อิตาลี ฝรั่งเศส แคนาดา และญี่ปุ่น แต่ต่อมาได้รวมเอาสหภาพยุโรป หรือ EU เข้าร่วมด้วย
G7 มีอิทธิพลต่อโลก คือประกอบด้วยกลุ่มประเทศที่มีเศรษฐกิจ ลํ้าหน้า 58% ของทั้งโลกและมีกำลังซื้อ 32% ของทั้งโลก... ปัจจุบันจีนส่งออกไปกลุ่มประเทศ G7 มากที่สุด รวมทั้งประเทศเหล่านี้ยังมีการลงทุนในจีนมากที่สุดด้วย
มาถึงตรงนี้ เชื่อว่าท่านผู้อ่านเองก็เดาใจจีนไม่ยากแล้วละครับ ส่วนเหตุการณ์โลกและใกล้บ้านสอนอะไรเราบ้างนั้น ตอนนี้ค่าเงินอาร์เจนตินา เวเนซุเอลา ตุรกี ฯลฯ รวมทั้งค่าเงินหยวน กำลังร่วงและผันผวนอย่างหนัก ในขณะที่เงินบาทแข็งค่าขึ้น
การส่งออกของแทบทุกประเทศติดลบ เงินคงคลังติดลบ ดุลการค้าติดลบ ข้าวของราคาถูกลง เพราะขาดกำลังซื้อ เขาเรียกเงินฝืด (ของแพง = เงินเฟ้อ) ธุรกิจท่องเที่ยวก็ซบเซา แต่ไทยได้รับอานิสงส์จากนักท่องเที่ยวอินเดียและจีน
นอกจากนั้น ยังได้เปรียบดุลการค้า และ fund flow จากต่างประเทศไหลเข้าด้วย
ดังนั้น ถ้าเพียงแต่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ กุมเสถียรภาพของรัฐบาล “ประยุทธ์ 2” ให้นิ่ง ไทยเรายังมีกินมีใช้อีกนาน ที่สำคัญเศรษฐกิจระดับบนยังไปได้ แต่รัฐบาลต้องหาวิธีมากระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างวิกฤติให้เป็นโอกาส ในที่สุดไทยก็จะโชติช่วงชัชวาลแน่นอนครับ