วัดช่วงชก2เจ้าสัว ‘ธนินท์-เจริญ’ ใครสายเปย์

20 เม.ย. 2562 | 02:10 น.

เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี มหาเศรษฐีอันดับ 2 ของไทย มีสินทรัพย์ 17,400 ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นเงินไทยราว 591,600 ล้านบาท เป็นอีกหนึ่งมหาเศรษฐีที่ดึงอดีตข้าราชการระดับสูงเข้ามาเป็นกรรมการบริษัท เช่น บริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด(มหาชน) มีการดึง นายมนู เลียวไพโรจน์ อดีตปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เข้ามาเป็นกรรมการอิสระ และกรรมการตรวจสอบ บริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด(มหาชน) กรรมการอิสระ บริษัทเบียร์ทิพย์ บริเวอรี่(1991)จำกัด กรรมการอิสระ บริษัท เบียร์ไทย 1991 จำกัด(มหาชน)

 

นอกจากนี้ยังปรากฏชื่อ น.ส.พจนีย์ ธนวรานิช อดีตอธิบดีกรมการประกันภัย เป็นกรรมการบริษัทในกลุ่มของนายเจริญอย่างน้อย 4 บริษัท คือ บริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด(มหาชน) บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และบริษัท ยูนิเวนเจอร์จำ กัด (มหาชน)

 

ส่วนข้าราชการคนอื่นๆ อาทิ นายสนิท วรปัญญา อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก ถูกดึงเข้ามาเป็นกรรมการบริษัท อาคเนย์ประกันภัย จำกัด(มหาชน) นายวันชัย ศารทูลทัต อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธานกรรมการ บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และประธานกรรมการบริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด(มหาชน) นายเรวัต ฉ่ำเฉลิม อดีตอัยการสูงสุด เป็นกรรมการบริษัทเสริมสุข จำกัด(มหาชน)เป็นต้น

 

เมื่อเจาะลึกลงไปในรายละเอียดผลตอบแทนที่อดีตข้าราชการที่เข้ามาช่วยงาน“เจ้าสัวเจริญ”ได้รับพบว่า ในปี 2561 นายมนู ที่ถูกดึงเข้ามาเป็นกรรมกากรรมการบริษัทไทยเบฟเวอเรจ ได้รับค่าตอบแทนรวมทั้งสิ้น 165,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือ 3.96 ล้านบาท

 

น.ส.พจนีย์ ได้รับค่าตอบแทนจากไทยเบฟ 26,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือ 624,000 บาท ค่าตอบแทนกรรมการรายเดือน และค่ากำเหน็จกรรมการ จากบริษัท โออิชิ กรุ๊ป อีก 3,040,000 บาท

 

นายรังสรรค์ ได้รับค่าตอบแทนจากการเข้ามาเป็นกรรมการบริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ 1,483,200 บาท นายเรวัต ได้รับค่าตอบแทนจากการเป็นกรรมการบริษัท เสริมสุข 210,000 บาท นายวันชัย ได้รับค่าตอบแทนกรรมการบริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ จำนวน 1,044,000 บาท

วัดช่วงชก2เจ้าสัว  ‘ธนินท์-เจริญ’ ใครสายเปย์

อย่างไรก็ตามหากเปรียบเทียบค่าตอบแทนกรรมการที่บริษัทในเครือของ “เจ้าสัวเจริญ”กับ“เจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์” มหาเศรษฐีอันดับ 1 ของไทย พบว่าค่าตอบแทนที่ “เจ้าสัวธนินท์” จ่ายให้กรรมการบริษัทมากกว่าเจ้าสัวเจริญหลายเท่าตัว

เช่น บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ธุรกิจอาหารในเครือซีพี กำหนดค่าตอบแทนที่เป็นตัวเงินให้ประธานกรรมการ เดือนละ 200,000 บาท รองประธานกรรมการเดือนละ 150,000 บาท และกรรมการเดือนละ 100,000 บาท นอกจากนี้ยังมีค่าตอบแทนพิเศษให้กรรมการทั้งคณะในอัตรา 0.5% ของเงินปันผลประจำปี โดยให้คณะกรรมการพิจารณาแบ่งจ่ายกันเอง 

 

ส่งผลให้ดร.ชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ อดีตผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ถูกดึงเข้าไปเป็นกรรมการซีพีเอฟ ได้ค่าตอบแทนรวม 8,713,900 บาท , พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ น้องชายพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จำนวน 3,313,900 บาท, นางวัชรี วิมุกตายน อดีตปลัดกระทรวงพาณิชย์ ยังไม่ได้รับค่าตอบแทนเนื่องจากเพิ่งเข้ามาเป็นกรรมการ

 

บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กลุ่มธุรกิจสื่อสารในเครือซีพี กำหนดค่าตอบแทนเป็นรายเดือนประธานกรรมการ 300,000 บาท ประธานกรรมการกิตติมศักดิ์ 200,000 บาท รองประธานกรรมการ 150,000 บาท กรรมการ 100,000 บาท กรรมการอิสระที่เป็นกรรมการในคณะกรรมการชุดย่อย 200,000 บาท กรรมการอิสระที่เป็นประธานในคณะกรรมการชุดย่อย 300,000 บาท


 

วัดช่วงชก2เจ้าสัว  ‘ธนินท์-เจริญ’ ใครสายเปย์

ขณะที่บริษัทในเครือเจ้าสัวเจริญ อย่าง เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ ผู้ประกอบกิจการ ส่งออก นำเข้า ค้าปลีก ผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ที่มีสินทรัพย์กว่า 323,021 ล้านบาท กำหนดเงินเดือนประธานกรรมการบริษัท 20,000 บาท ค่าเบี้ยประชุม 25,000 บาทต่อครั้ง ส่วนกรรมการมีเงินเดือน 10,000 บาท ค่าเบี้ยประชุม 20,000 บาทต่อครั้ง ด้านบริษัทเสริมสุข จำกัด(มหาชน) ธุรกิจเครื่องดื่ม กำหนดเงินเดือนประธานกรรมการ 24,000 บาท ค่าเบี้ยประชุม 20,000 บาทต่อครั้ง เงินเดือนกรรมการ 12,000 บาท ค่าเบี้ยประชุม 10,000 บาทต่อครั้ง

 

ถึงบรรทัดนี้พอจะเห็นแล้วว่าระหว่าง “เจ้าสัวธนินท์” กับ “เจ้าสัวเจริญ” ใครจัดหนักมากกว่ากัน
 

ถอดสูตรคุย โดย บรรทัดเหล็ก

หน้า 7 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3463 ระหว่างวันที่ 21 - 24 เมษายน 2562

วัดช่วงชก2เจ้าสัว  ‘ธนินท์-เจริญ’ ใครสายเปย์