-ชีวิตที่ไม่ใช้เงินสดเลย มันเป็นไปได้หรือ..
-คือไม่ชอบอะไรที่จับต้องไม่ได้ รู้สึกไม่สบายใจ..
-หากอินเตอร์เน็ตของคุณหมดหรือไปอยู่ในจุดอับสัญญาณ คุณก็ไม่สามารถใช้บริการอะไรได้..
-แล้วความปลอดภัยล่ะ แม้จะไม่ถือเงินสด ก็ไม่ได้รับประกันว่าจะไม่โดนโจรปล้น แล้วเงินในระบบถ้าหายไปจะทำไง..
-ถ้าโดนโจมตีระบบสื่อสาร ก็แค่เป็นง่อยทั้งประเทศ..
ทุกข้อความข้างบนคือส่วนหนึ่งของคำถามและความลังเลต่อระบบการเงินแบบ สังคมไร้เงินสด หรือสังคมเงินดิจิทัล แม้จะมีข้อดีไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นความสะดวกในการใช้งานผ่านแอพพลิเคชั่นบนมือถือ ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาไปต่อแถวเพื่อฝาก-ถอนเงินที่ธนาคาร
แม้แต่การจับจ่ายซื้อของ เจ้าของธุรกิจก็สามารถขายสินค้าผ่านทางออนไลน์ได้ทุกรูปแบบ และรับชำระเงินผ่าน Mobile Banking บัตรเครดิต บัตรเดบิต หรือบริการพร้อมเพย์ (Prompt Pay)
แม้ว่าในช่วง 1- 3 ปีที่ผ่านมา เราได้เห็นความเปลี่ยนแปลงด้านระบบการชำระเงินค่อนข้างชัด การใช้เงินสดกำลังถูกแทนที่ด้วยระบบการชำระเงินดิจิทัล คนเริ่มถือเงินสดไว้กับตัวน้อยลง สิ่งเหล่านี้กำลังนำไปสู่สภาวะที่เรียกว่า สังคมไร้เงินสด (Cashless Society)และก็มีพัฒนาการมาอย่างต่อเนื่อง โดยแรกเริ่มก็จะเป็นการใช้บัตรเครดิต บัตรเดบิต ชำระค่าสินค้าและบริการแทนเงินสด
หลายประเทศก็ทำให้บัตรใบเดียวใช้งานได้หลากหลาย เปรียบเทียบเป็นเงินสด ยกตัวอย่างใกล้บ้านเราที่ประเทศญี่ปุ่น บัตรรถไฟ รถประจำทางใช้งานร่วมกันได้หมด แม้แต่ใช้ชื่อของในห้างสรรพสินค้า หรือประเทศในกลุ่มนอร์ดิค( เดนมาร์ก ฟินแลนด์ ไอซ์แลนด์ นอร์เวย์ และสวีเดน) ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่มีอิทธิพลทางด้านเทคโนโลยีมากที่สุดในโลก ก็มีการพัฒนาเข้าสู่สังคมไร้เงินสดเกือบร้อยเปอร์เซ็น
ทั้งนี้วารสาร การเงินธนาคาร ฉบับเดือนสิงหาคม 2561 รายงานว่า ประเทศที่เข้าสู่สังคมไร้เงินสด Cashless Society แบบเต็มขั้นไปแล้วนั้น ได้แก่ ประเทศในแถบสแกนดิเนเวีย และประเทศนอร์เวย์ก็เป็นหนึ่งในประเทศแรกที่ประกาศว่าจะไม่ใช้เงินสด และมีแผนยกเลิกการใช้เงินสดภายในปี ค.ศ. 2030
ส่วนจีนที่เป็นนักท่องเที่ยวที่สำคัญของไทย ปัจจุบันนี้ประเทศจีนกลายเป็นหนึ่งในผู้นำในด้านการชำระเงินด้วยโทรศัพท์มือถือเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 2016 ยอดการใช้จ่ายผ่านโทรศัพท์มือถือ ในประเทศจีน มีมูลค่าสูงถึง 35.33 ล้านล้านหยวน (5.61 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ)
“ใครจะรู้ว่าวันหนึ่ง เราอาจจะเห็นภาพผู้คนในสังคมชนบทของไทย ไปจ่ายกับข้าวที่ตลาด ควักสมาร์ทโฟนและสแกนคิวอาร์โค้ด จ่ายแทนเงินสด”
ต้องยอมรับว่าเทคโนโลยีต่างๆ เหล่านี้ส่งผลดีให้กับเราในด้านความสะดวกสบายในการใช้จ่ายเงิน การทำธุรกรรมทางการเงินต่างๆ ที่ง่ายขึ้น ไม่ต้องเสียค่าเดินทาง ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม ที่สำคัญเราต้องไม่ยึดติดกับความสะดวกสบายจนเกินไป เพราะการใช้เงินง่ายขึ้น ก็จะส่งผลให้เรามีการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มมากขึ้น จนอาจทำให้เป็นการเพิ่มภาระหนี้สินให้กับตัวเอง เนื่องจากการทำธุรกรรมที่ง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส
ดังนั้นเราควรมีสติในการใช้จ่ายเงิน ใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์สูงสุด
นอกจากนี้แล้วท่านผู้อ่าน ก็ต้องระมัดระวังในการเลือก Application ที่มีความน่าเชื่อถือ และมีระบบความปลอดภัยที่ดี เมื่อพกเงินสดน้อยลงโจรปล้นเงินสดอาจไม่มีแต่จะกลายเป็นโจรไซเบอร์แทน หรือไม่ก็ถูกจี้ปล้นโดยบังคับให้โอนเงิน หรือ กดเงินสดออกมาให้ก็เป็นได้ นี่ก็ไม่อาจรับประกันได้ แม้จะถูกเก็บรักษาอยู่ในบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดก็ตาม
เราๆท่านๆเคยมองกันมั้ยว่า แม้สังคมไร้เงินสดจะเป็นเทรนด์ในหลายประเทศ รวมถึงสร้างโอกาสทางธุรกิจได้ แต่การเลิกใช้เงินสดไปจะสร้างปัญหาให้กลุ่มคนที่ไม่มีระบบจ่ายเงินหรือกลุ่มคนที่ยังต้องการใช้เงินสดอยู่ ซึ่งผมเห็นว่าเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไขควบคู่กับการพัฒนาสังคมไร้เงินสดด้วย
ยกตัวอย่างเช่นบางคนก็ไม่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ รวมถึงผู้สูงอายุบางคนอาจไม่สามารถที่จะเข้าถึงได้
หนักกว่านั้นคือถ้าคนจะจ่ายเงินไม่มีอินเตอร์เน็ตในมือถือ ซึ่งในส่วนนี้จะมีความเป็นไปได้หรือไม่ที่รัฐบาลจะสนับสนุนให้ใช้ฟรี
แต่สิ่งที่เราจะคุยกันในวันนี้ไม่ใช่เรื่องที่กล่าวมา แต่เป็นคำถามที่ว่า “ การตอบสนองดิจิทัลไลฟ์สไตล์” ต้องทำให้เรายกเลิกการใช้ธนบัตรหรือเงินกระดาษและเหรียญกษาปณ์ ไปเลยหรือ
ลองนึกภาพดูครับว่า เงิน ในรูปแบบธนบัตรที่คุณคุ้นเคย ได้หยิบจับ นับ เบิก ถอน เพื่อใช้จ่ายกันมาเนิ่นนาน ก็กำลังจะถูกแปรสภาพด้วยเทคโนโลยี เงินดิจิทัล E-money ที่จับต้องไม่ได้ เห็นแต่ตัวเลข
ใช่ครับ ผมกำลังพูดถึงความเป็นอัตลักษณ์ของธนบัตรไทย ที่แต่ละใบ แต่ละยุคที่ตีพิมพ์ ล้วนมีความหมาย ความสวยงาม และคุณค่าของภาพที่แฝงอยู่บนธนบัตร ที่นักสะสมธนบัตร เก็บไว้ด้วยความชื่นชอบ รักและเป็นคุณค่าทางจิตใจ อักทั้งกำเนิดธนบัตรไทยก็มีมายาวนาน
ผมเชื่อว่าหลายคนเมื่อเบิกเงินสดมาจำนวนมาก ๆ ก็ชอบที่จะนับมันหลายๆครั้ง เป็นความเพลิดเพลินที่ได้นับธนบัตรจากน้ำพักน้ำแรง สำหรับผมไม่อยากให้เงินสดหายไปจากระบบ
แล้วท่านผู้อ่านล่ะครับ
|คอลัมน์ : ปฏิกิริยา
| โดย : ชิษณุชา เรืองศิริ
| ฐานเศรษฐกิจออนไลน์
ปฏิกิริยา,อินเตอร์เน็ต,Cashless Society