ธุรกิจโฮสเทล ดาวรุ่งมาแรง! l สมชาย สกุลอือ

11 ม.ค. 2559 | 10:27 น.
เมื่อวันก่อน อ.บุริม โอทกานนท์ รองคณบดีงานสนับสนุนการศึกษา และอาจารย์ประจำสาขาวิชาการตลาด วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) พร้อมนักศึกษาออกมาเปิดเผยข้อมูลน่าสนใจเกี่ยวกับธุรกิจที่เติบโตไปตามอุตสาหกรรมการท่องเที่องในประเทศ นั่นคือ ธุรกิจโฮสเทล   โดยอ.บุริม บอกว่า “จากการเติบโตของธุรกิจโฮสเทลในปัจจุบันถือเป็นโอกาสดีสำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศ โดยในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2558 ที่ผ่านมา มีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามาแล้ว 22 ล้านคน  โดยอุตสาหกรรมท่องเที่ยวสามารถสร้างรายได้ให้ประเทศได้ถึง 1.8 ล้านล้านบาท

นอกจากนี้ประเทศไทยยังติดอันดับ 1 ใน 10 ประเทศที่นักท่องเที่ยวคนเดียวไม่ควรพลาดจากการจัดอันดับของเว็บไซต์ www.lifehack.org  ซึ่ง ณ ปัจจุบัน ในประเทศไทยมีโฮสเทลมากกว่า 2,000 แห่ง หรือคิดเป็นร้อยละ 12 ของที่พักนักท่องเที่ยวทั้งหมด ถือได้ว่ามีอัตราการเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วมากในช่วงปีที่ผ่านมา และหากพิจารณาถึงด้านรูปแบบธุรกิจแล้ว โฮสเทลเป็นธุรกิจที่ไม่ต้องใช้เงินลงทุนสูงและไม่มีข้อจำกัดที่ตายตัว ทำให้ผู้ประกอบธุรกิจโฮสเทลมีอิสระในการออกแบบรูปแบบของโฮสเทลได้ตามต้องการ โดยอาศัยความโดดเด่นและเอกลักษณ์ประจำตัวเป็นจุดขายเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว  ทั้งนี้จากปัจจัยทั้งในแง่ของมูลค่าอุตสาหกรรมและเทรนด์พฤติกรรมการท่องเที่ยวในปัจจุบัน ทำให้ธุรกิจโฮสเทลเป็นธุรกิจที่ผู้ประกอบการทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่หันมาให้ความสนใจเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะในจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวหลักของประเทศไทย อาทิ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต

สำหรับการประกอบธุรกิจโฮสเทลนั้น ผู้ประกอบการจำเป็นต้องเข้าใจถึงจุดประสงค์ของนักท่องเที่ยวผู้เข้าพักและออกแบบที่พักเพื่อตอบโจทย์ผู้เข้าพักมากที่สุด ซึ่งในเรื่องนี้

นางสาวอัฐภิญญา ปุณณมากุล นักศึกษาวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) ได้ร่วมกับสมาชิกในกลุ่มทำการศึกษาวิจัยเพื่อพัฒนากลยุทธ์การทำธุรกิจโฮสเทลให้ประสบความสำเร็จ  ซึ่งงานวิจัยนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชา Consulting Practice ที่ออกแบบให้นักศึกษาได้ปฏิบัติจริงเพื่อสามารถนำไปต่อยอดทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเริ่มต้นจากการสอบถามผู้ใช้บริการโฮสเทล 200 คน และสัมภาษณ์เชิงลึกกลุ่มตัวอย่างทั้งนักท่องเที่ยวฝั่งยุโรปและเอเชียจำนวน 30 คน เมื่อได้ผลออกมาสามารถสรุปเป็น 5 กลยุทธ์ดังนี้

1. เข้าใจ – เข้าใจความต้องการและจุดประสงค์ในการเข้าพักของผู้เข้าพัก โดยผู้เข้าพักอาจไม่ได้ต้องการบริการที่เพียบพร้อมเหมือนเข้าพักในโรงแรม แต่ต้องการบรรยากาศสบายๆเสมือนบ้าน และแหล่งพบปะเพื่อนใหม่ๆในการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การท่องเที่ยว

2. เข้าทาง – เข้าทางการดึงจุดเด่นของสถานที่มาเป็นจุดขาย หรือการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่เพื่อสร้างความโดดเด่นและแตกต่าง ให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์และเกิดการจดจำ เนื่องจากสถานที่คือ หนึ่งในจุดขายที่จะเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ดีที่สุด

3. เข้าพัก – สร้างให้ผู้เข้าพักได้เข้าพักโฮสเทลที่ใช่ มีคอนเซ็ปต์ที่ชัดเจน เป็นที่จดจำของลูกค้าได้ นำไปสู่การบอกต่อในหมู่นักท่องเที่ยวได้ต่อไป

4. เข้าถึง – เข้าถึงช่องทาง โดยเฉพาะทางด้านเว็บไซต์ต่างๆที่สามารถทำการจอง และแลกเปลี่ยนความเห็นระหว่างผู้เข้าพักได้ โดยช่องทางนี้เป็นช่องทางที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเลือกเข้าพักของนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก

5. เข้าหา – เข้า หาลูกค้าเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีใส่ใจในทุกรายละเอียดของลูกค้า เพื่อสร้างความสุขและสนุกสนานในการอยู่ร่วมกันเสมือนคนในครอบครัว ซึ่งการเข้าหาลูกค้านั้นยังทำให้ทางเจ้าของโฮสเทลได้รับทราบผลตอบรับเพื่อนำ มาพัฒนาโฮสเทลให้ตรงใจลูกค้ามากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตามก่อนการศึกษาวิจัยดังกล่าวได้ศึกษาข้อมูลการท่องเที่ยวในปัจจุบันพบว่า เทรนด์การท่องเที่ยวคนเดียว (Solo Traveling) ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2557 ที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวกล้าที่จะออกเดินทางท่องเที่ยวคนเดียวมากขึ้น โดยผลสำรวจของ Visa Global Travel Intentions Study ปี 2558 ที่สอบถามนักท่องเที่ยวจำนวน 13,000 คนจาก 25 ประเทศ พบว่ามีการท่องเที่ยวคนเดียว ร้อยละ 24 ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ10 เมื่อเทียบกับปี 2557 และจากเทรนด์ดังกล่าวทำให้ธุรกิจโฮสเทลเติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก เนื่องจากร้อยละ 64 ของนักท่องเที่ยวคนเดียวนั้นเลือกใช้บริการที่พักประเภทโฮสเทล โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวในช่วงอายุ 18 - 30 ปี ซึ่งมีเหตุผลหลักคือ เรื่องราคา ความต้องการพบปะเพื่อนใหม่ และการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ท่องเที่ยวระหว่างกลุ่มนักท่องเที่ยวด้วยกัน

ขณะเดียวกันด้านนายคมสิทธิ์ แสงมณี  ผู้ร่วมก่อตั้งโอลด์ทาวน์โฮสเทล (Old Town Hostel) โฮสเทลชื่อดังย่านเจริญกรุง ที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวแบ็คแพ็คเกอร์ (Backpacker) กล่าวเพิ่มเติมว่า “ธุรกิจโฮสเทลได้รับความนิยมในต่างประเทศมาระยะใหญ่แล้ว เนื่องจากเทรนด์ของการท่องเที่ยวในยุคปัจจุบันเปลี่ยนผ่านสู่การท่องเที่ยวในรูปแบบการท่องเที่ยวคนเดียวและใช้บริการที่พักแบบโฮสเทล ทั้งนี้ก็เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายและแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับเพื่อนร่วมเดินทางใหม่ๆ ซึ่งเป็นเสน่ห์ของการท่องเที่ยวแบบแบ็คแพ็คเกอร์ และจากประสบการณ์ส่วนตัวที่ได้ท่องเที่ยวแบบแบ็คแพ็คเกอร์และเข้าพักโฮสเทล มากว่า 75 ประเทศ หนึ่งในปัจจัยหลักที่สำคัญที่ทำให้ผู้เข้าพักมีความพึงพอใจกับโฮสเทลนั้น คือ พื้นที่ส่วนรวม (Common area) ซึ่งมีจุดประสงค์หลักสำหรับใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดปฏิสัมพันธ์ระหว่างนักท่องเที่ยวที่เข้าพักในโฮสเทลเดียวกันมากขึ้น จึงกล่าวได้ว่าการยอมสละพื้นที่ห้องพักและสร้างเป็นพื้นที่ส่วนรวมมากขึ้น  จึงเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่ผู้ประกอบการโฮสเทลไม่ควรมองข้าม เพราะหากนักท่องเที่ยวมาใช้บริการและประทับใจในโฮสเทลและการมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมเดิน ทางใหม่ๆแล้ว  การบอกต่อแบบปากต่อปากผ่านอินเทอร์เน็ตและโซเชียลเน็ตเวิร์คเป็นจุดสำคัญที่ทำให้ธุรกิจโฮสเทลประสบความสำเร็จได้ภายใต้ระยะเวลาอันสั้น

ท้ายนี้หากใครสนใจข้อมูลเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ที่ วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) โทรศัพท์ 02-206-2000 หรือเข้าไปที่ www.cmmu.mahidol.ac.th

 

--