25สิงหาฯ:วันชี้ชะตา‘ยิ่งลักษณ์’

06 ส.ค. 2560 | 03:00 น.
TP14-3285-B ผ่านไปแล้วด้วยดีกับ 2 หมายใน “ปฏิทินร้อน” เดือน “สิงหาฯ-อาถรรพ์” แต่ที่ยังเหลืออีก 3 หมาย โดยเฉพาะวันที่ 25 สิงหาคม ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะตัดสิน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ฐานปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว และคดี “ขายข้าวจีทูจี” ที่มี นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ พร้อมพวกรวม 28 คนเป็นจำเลย...2 คดีใหญ่นี้ก็ยังจะถูกจับตาอย่างสนใจต่อไป!!!!

ขณะที่การตัดสินคดี “ขายข้าวจีทูจี” คงไม่มีอะไร?ให้ตื่นเต้นมากนัก ตรงข้ามกับคดีซึ่งมี น.ส.ยิ่งลักษณ์ตกเป็นจำเลย ที่ถูกระบายสีจนน่าตื่นเต้นทำนองว่าจะเป็นอดีตนายกฯ หญิงคนแรกของประเทศไทยที่จะได้รับโทษชดใช้ความผิดจากการทุจริต?? ภายหลังจาก “พี่ชาย” คือ นายทักษิณ ชินวัตร สร้างประวัติศาสตร์ เป็นนายกฯ คนแรกที่ถูกตัดสินในความผิดคดีทุจริต แต่ชิงหนีออกนอกประเทศไปก่อนจะได้รับโทษทัณฑ์ต่างๆ

จึงไม่แปลกที่การเดินทางไปศาลแต่ละครั้งของ “น.ส.ยิ่งลักษณ์ชินวัตร” และแกนนำพรรคเพื่อไทย ทั้ง 2 ครั้งที่ผ่านมา คือวันที่ 1 สิงหาคม และวันที่ 2 สิงหาคม จะมีมวลชนจำนวนมากไปให้กำลังใจ แต่วันนัดฟังคำตัดสินวันที่ 25 สิงหาคม ก็คาดว่าจะมีมวลชนไปให้กำลังใจมากกว่าทุกครั้ง ส่วนจะมีมากน้อยแค่ไหน? รวมทั้งจะมีเหตุการณ์วุ่นวายอะไร? เกิดขึ้น หรือกระทั่งศาลมีคำตัดสินออกมาว่าอย่างไร? ไม่มีใคร? สามารถคาดการณ์ได้

เกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าว...ถูกสังคมจับตาในเรื่องการทุจริตคอร์รัปชันมาตั้งแต่แรกแล้ว มีคำเตือนถึงน.ส.ยิ่งลักษณ์ในฐานะนายกฯ ตลอดในเรื่องความเสียหายที่จะเกิดขึ้นตามมา แต่รัฐบาลก็ไม่เคยมีการทบทวนใดๆ แม้ต่อมาจะถูกเปิดโปงการทุจริต แต่โครงการจำนำข้าวก็ยังดำเนินต่อไป จนสร้างความเสียหายจำนวนหลายแสนล้านบาท

ที่สำคัญก็คือ นอกจากจะไม่ทบทวนนโยบายใดๆ แล้ว ยังมีการเคลื่อนไหวปลุกระดมมวลชนเพื่อใช้กดดันศาลที่กำลังพิจารณาคดีอย่างต่อเนื่อง จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการใช้กฎหมู่เหนือกฎหมายตลอดมา

สำหรับการแถลงปิดคดีในคดีโครงการรับจำนำข้าวด้วยวาจาของ “น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกฯ ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่ใช้เวลาเพียงชั่วโมงเศษ กับการอ่านโพยเกือบ 20 หน้า ใน 6 ประเด็น ต้องบอกว่า “ไม่มีอะไร?ใหม่” เพราะหนักไปในแนว “ออดอ้อน-และขอความเห็นใจ” มากกว่า จนทำให้ดูเหมือนว่าจะได้รับความสนใจมากกว่าสาระของคำแถลงที่ใช้ต่อสู้คดี...

แต่ไม่ว่าจะอ้างเหตุผลความจำเป็นว่าอย่างไร? น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็ไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบต่อความเสียหายมากมายที่เกิดขึ้นได้ ส่วนจะต้องรับผิดชอบมากหรือน้อยแค่ไหน? ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะเป็นผู้ตัดสินชี้ขาดในวันที่ 25 สิงหาคมนี้

ถ้าศาลตัดสินว่า “ไม่ผิด” น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็จะเป็นอิสระ แต่ถ้าตัดสินว่า “ผิด” ก็จะต้องรับโทษ...เรื่องการใช้กฎหมู่เหนือกฎหมาย หรือปลุกระดมมวลชนกดดันศาลและองค์กรอิสระ เป็นวิธีการที่พรรคเพื่อไทยนำมาใช้ตลอด แม้ในช่วงที่พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลก็ยังมีการนำมาใช้ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ผลตามที่คาดหวัง เพราะว่ากันตามจริงแล้ว มวลชนที่ว่าก็ไม่มีพลังมากมาย ซึ่งอย่างมากก็แค่ขู่-และคุกคามเท่านั้น

ไม่สามารถกดดันศาลและองค์กรอิสระ ให้ทำตามข้อเรียกร้องต่างๆ ได้แต่อย่างใด? ซํ้าร้ายกว่านั้นยังส่งผลให้คะแนนนิยมพรรคลดลงอีกต่างหาก ซึ่งถ้ามวลชนพรรคเพื่อไทยมีพลังจริง วันนี้นายทักษิณ ชินวัตร ก็คงยังอยู่ในประเทศไทย ไม่ระเห็จไปอยู่ต่างประเทศจนกลายเป็นคนไร้แผ่นดินอย่างที่เป็นอยู่ ขณะที่วันนี้ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็คงจะเป็นนายกฯ และไม่เปลี่ยนสถานะเป็นผู้ต้องหาอย่างที่กำลังเป็นอยู่แน่นอน

สรุปว่า 2 คดีใหญ่ข้างต้น น่าจะเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ว่า ไม่มีใคร?อยู่เหนือกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นอดีตนายกฯ หรืออดีตรัฐมนตรี หรือกระทั่งมีมวลชนสนับสนุนมากมายขนาดไหน? เมื่อทำผิดหรือทุจริตคอร์รัปชัน ก็จะต้องได้รับโทษ รวมทั้งชดใช้เงินเท่ากับที่ทำให้เกิดความเสียหาย พูดสั้นๆ ง่ายๆ คือ ทำผิดก็ต้องติดคุก ไม่มีใคร? อยู่เหนือกฎหมาย

และวันตัดสินคดีทุจริต-จำนำข้าว วันที่ 25 สิงหาคมนี้ คือวันตัดสินชะตา “น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ฉะนั้น ไม่ว่าใคร? หรือมีเหตุร้ายอะไร?เกิดขึ้นในวันนั้น ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลง “ผลลัพธ์” เป็นอย่างอื่นได้ เพราะทุกอย่างเป็นไปตามกฎแห่งกรรม มวลชนหรือ “คำออดอ้อน-และขอความเห็นใจ” ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่นได้แน่นอน

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,285 วันที่ 6 -9 สิงหาคม พ.ศ. 2560