นายวินิจฉัย แจ่มแจ้ง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศได้ลงพื้นที่ร่วมกับกรมวิชาการเกษตร เพื่อจัดสัมมนาให้ความรู้เกี่ยวกับความตกลง TPP และการคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่ภายใต้อนุสัญญา UPOV 1991 แก่เกษตรกรในภาคเหนือตอนล่าง ซึ่งเป็นแหล่งเพาะปลูก อ้อย มันสำปะหลัง ถั่วเหลือง ถั่วเขียว และข้าวที่สำคัญของไทย โดยมีผู้แทนจากสภาเกษตรกรแห่งชาติ สภาเกษตรกรจังหวัด เครือข่ายเกษตรกร ภาควิชาการและภาคประชาสังคมจาก 9 จังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก ตาก อุตรดิตถ์ กำแพงเพชร สุโขทัย เพชรบูรณ์ อุทัยธานี พิจิตร และนครสวรรค์เข้าร่วมการสัมมนา ณ จังหวัดพิษณุโลก
การลงพื้นที่ครั้งนี้ได้รับทราบข้อเสนอของเกษตรกรที่ต้องการให้ภาครัฐดำเนินการ ได้แก่ การให้ความรู้แก่เกษตรกรเกี่ยวกับการเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้ใช้เพาะปลูกในฤดูกาลถัดไปอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ เพื่อให้เกษตรกรมีเมล็ดพันธุ์คุณภาพดี ให้ผลผลิตสูง คุ้มค่าต่อการผลิต เพราะหากเกษตรกรเก็บเมล็ดพันธุ์ด้วยวิธีการที่ไม่ถูกต้องจะทำให้เมล็ดพันธุ์มีคุณภาพต่ำและให้ผลผลิตน้อย และต้องพึ่งพาเมล็ดพันธุ์จากบริษัทเอกชนที่มีราคาสูง อีกทั้ง เสนอแนะให้ภาครัฐมีการกระจายเมล็ดพันธุ์คุณภาพดีให้ถึงมือเกษตรกรอย่างทั่วถึงทุกพื้นที่ และเปิดโอกาสให้เกษตรกรเข้าไปมีส่วนร่วมในการกำหนดราคาพืชผลทางการเกษตร เช่น ข้าว ข้าวโพดและมันสำปะหลัง เพื่อให้ได้ราคาที่เป็นธรรม นอกจากนี้ เกษตรกรขอให้ภาครัฐทบทวนประโยชน์และผลกระทบของการจัดทำความตกลงการค้าเสรีฉบับที่ผ่านมาของไทย โดยคำนึงถึงความสมดุลของประโยชน์ของทุกภาคส่วน พร้อมทั้งเสนอแนะให้ภาครัฐบูรณาการการทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบและสานต่อการสร้างความเข้าใจให้แก่เกษตรกรอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ การลงพื้นที่ในครั้งนี้ยังเป็นโอกาสอันดีในการสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องแก่เกษตรกร โดยเฉพาะข้อกังวลว่าพันธุ์พืชท้องถิ่นของไทยจะสูญหายจากการปรับปรุงพันธุ์ของต่างชาติ เช่น ข้าวหอมมะลิ นั้น โดยข้อเท็จจริง ต่างชาติไม่สามารถนำข้าวหอมมะลิไปจดทะเบียนเพื่อคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่ เพราะข้าวหอมมะลิเป็นพันธุ์ท้องถิ่นของไทยที่รู้จักโดยทั่วไป สำหรับความกังวลว่าการเข้าร่วมอนุสัญญา UPOV 1991 จะทำให้เกษตรกรไม่สามารถเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้ปลูกในฤดูกาลถัดไปได้นั้น ก็เป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อน เนื่องจากรัฐบาลสามารถกำหนดพันธุ์พืชให้เกษตรกรเก็บไว้เพาะปลูกในฤดูกาลถัดไปได้
นายวินิจฉัย กล่าวย้ำว่า การปฏิรูปภาคการเกษตรเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก โดยกระทรวงพาณิชย์ยินดีรับฟังความเห็นและข้อเสนอแนะของเกษตรกร ซึ่งจะนำไปประกอบกับข้อเท็จจริงและข้อมูลเชิงวิชาการ เพื่อประเมินประโยชน์และผลกระทบอย่างรอบด้าน โดยขอให้เกษตรกรเปิดใจรับฟังข้อเท็จจริงจากทุกฝ่าย เพื่อให้สามารถสะท้อนข้อห่วงกังวลและข้อเสนอแนะมาตรการที่ต้องการให้ภาครัฐสนับสนุนได้อย่างแท้จริง