CPL ยอมเฉือนกำไรลุยโละสต็อกวัตถุดิบครั้งใหญ่

16 พ.ค. 2559 | 08:22 น.
[caption id="attachment_53435" align="aligncenter" width="336"] คุณสุวัชชัย วงษ์เจริญสิน รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซี.พี.แอล.กรุ๊พ จำกัด (มหาชน) สุวัชชัย วงษ์เจริญสิน[/caption]

นายสุวัชชัย วงษ์เจริญสิน รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซี.พี.แอล.กรุ๊พ จำกัด (มหาชน) หรือ CPL ผู้นำอุตสาหกรรมฟอกหนังสำเร็จรูปรายใหญ่ในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นกิจการในกลุ่มบริษัทเจริญสิน เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาสแรก (มกราคมถึงมีนาคม) ปี 2559 ของ CPL บริษัทฯมีรายได้จากการขาย 530.77 ล้านบาท โดยมีผลขาดทุนสุทธิ 39.09 ล้านบาท ซึ่งไม่ได้เกินความคาดหมายของฝ่ายบริหาร เนื่องจากเป็นผลขาดทุนที่เกิดจากการขายวัตถุดิบคงเหลือค้างสต็อกในราคาที่ต่ำกว่าต้นทุน ซึ่งเป็นวัฏจักรปกติของอุตสาหกรรมฟอกหนังที่จะมีหนังส่วนที่ไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้คงเหลืออยู่ในคลังสินค้า อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า ในปีนี้การโละสต็อกดังกล่าวได้รับผลกระทบจากการที่ราคาหนังปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง

“เราทยอยขายวัตถุดิบคงเหลือตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว แต่ไม่สามารถทำได้ทั้งหมด ทำให้มีวัตถุดิบส่วนที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ตกค้างมาถึงไตรมาสแรกของปีนี้ และกลายเป็นปัจจัยหลักปัจจัยเดียวที่กระทบต่อผลการดำเนินงาน ขณะที่ปัจจัยอื่นๆ ยังคงเป็นไปในทางบวก ไม่ว่าจะเป็นความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนที่มีผลกับเราอย่างมากในปีที่ผ่านมา ถึงตอนนี้เราสามารถบริหารจัดการได้ดีขึ้นและมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน จากที่เคยขาดทุน เช่นเดียวกับคำสั่งซื้อสินค้าที่ยังคงมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่อาจจะมีบางช่วงที่คำสั่งซื้อล่าช้ากว่าปกติ ซึ่งเป็นผลจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ดังนั้น เมื่อพิจารณาจากปัจจัยบวกที่สำคัญ ทั้งคำสั่งซื้อและอัตราแลกเปลี่ยน ผนวกกับการเคลียร์สต็อกวัตถุดิบที่เสร็จเรียบร้อยแล้ว ทำให้บริษัทฯ มั่นใจว่า ช่วง 9 เดือนที่เหลือของปีนี้ CPL จะสามารถรักษาอัตราการเติบโตไว้ได้ โดยเชื่อว่า ยอดขายในเชิงปริมาณจะเพิ่มขึ้น 5% ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้” นายสุวัชชัยกล่าว

ตามปกติแล้วช่วงไฮซีซั่นของอุตสาหกรรมฟอกหนัง โดยเฉพาะหนังฟอกที่ส่งให้กับผู้ผลิตรองเท้ารายใหญ่ของโลกอย่าง CPL จะอยู่ในไตรมาสที่ 2 และ 3 ของปี ซึ่งในปีนี้แม้ว่า เศรษฐกิจโลกจะอยู่ในภาวะชะลอตัว แต่คำสั่งซื้อก็ยังคงมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้เดินหน้าทำการตลาดและการขายอย่างจริงจัง ด้วยการจัดทีมโรดโชว์นำสินค้าคุณภาพเสนอให้กับคู่ค้าในต่างประเทศ เพื่อรักษาลูกค้าเดิมและเพื่อเพิ่มฐานลูกค้าใหม่

ขณะที่ความคืบหน้าในโครงการร่วมทุน 40% กับบริษัทบริษัทพาราเม้าท์ ไฮด์ เลเธอร์ ซึ่งเป็นพันธมิตรฮ่องกง ในการจัดตั้งบริษัท อินทิเกรเต็ด เลเธอร์ เน็ตเวอร์ค จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจศูนย์กระจายสินค้าสำหรับหนังทุกประเภท (Leather Platform Service) ในประเทศไทยนั้น ขณะนี้ระบบการติดตั้งเครื่องจักรได้เดินหน้าไปประมาณ 90% แล้ว โดยได้เริ่มผลิตสินค้าและส่งออกไปบ้างแล้ว ทั้งนี้ บริษัทฯ เชื่อว่า บริษัทร่วมทุนดังกล่าวจะสามารถเดินหน้าผลิตได้สมบูรณ์ 100% หลังจากเดือนกรกฎาคมปีนี้ โดยเมื่อกระบวนการผลิตเดินหน้าได้เต็มที่ ก็จะเอื้อให้ CPL ประหยัดเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการสต็อกสินค้าได้ประมาณ 100-200 ล้านบาท และยังช่วยให้บริษัทฯ สามารถบริหารวัตถุดิบได้ดีขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องสต็อกวัตถุดิบไว้เป็นจำนวนมากเหมือนที่ผ่านมาอีกด้วย