กล้าคิด! “อริสา กุลปิยะวาจา” สาวนักบริหารรุ่นใหม่ ผู้บุกเบิกตลาดนมทางเลือก

30 พ.ย. 2563 | 02:00 น.

เปิดเส้นทางความสำเร็จ “อริสา กุลปิยะวาจา” สาวนักบริหารรุ่นใหม่ กับการนำพาแบรนด์ “137 ดีกรี” บุกเบิกตลาดนมทางเลือกเมืองไทย

หากถามถึง “ผลิตภัณฑ์นมทางเลือก” เมื่อ 5-6 ปีก่อน อาจจะยังไม่เป็นที่รู้จักของคนไทยเท่าไรนัก แต่สำหรับผู้ที่แพ้นมวัว ผู้ที่ต้องการควบคุมอาหาร รวมถึงผู้ที่รักสุขภาพก็จะคุ้นเคยเป็นอย่างดี ตลาดนมทางเลือกจึงถูกจำกัดเฉพาะกลุ่ม การเติบโต และการรุกทำตลาดจึงไม่ดุเดือด หรือรุนแรงเท่าใดนัก แต่ในวันนี้ต้องยอมรับว่า “ตลาดนมทางเลือก”  กำลังเป็นบลูโอเชียน ไม่ว่าจะเป็นนมอัลมอนด์ นมถั่วพิสตาชิโอ  รวมถึงนมวอลนัท  และหนึ่งในแบรนด์ที่รู้จักเป็นอย่างดีคือ “137 ดีกรี

 

อริสา กุลปิยะวาจา” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิมเพิ้ล ฟู้ด จำกัด ผู้บุกเบิกตลาดผลิตภัณฑ์นมทางเลือกในเมืองไทย  เล่าให้ฟังว่า 137 ดีกรี  มีจุดเริ่มต้นจากการที่พีชเป็นคนแพ้นมวัวมาตั้งแต่เด็ก พอมีโอกาสไปเรียนต่อต่างประเทศและได้เห็นผลิตภัณฑ์นมทางเลือกเพื่อสุขภาพที่ค่อนข้างหลากหลาย หนึ่งในนั้นก็คือนมอัลมอนด์ แต่รสชาติยังไม่ถูกปาก พอได้กลับมาอยู่ประเทศไทยซึ่งในขณะนั้นนมอัลมอนด์ยังไม่เป็นที่รู้จัก จึงตัดสินใจทำนมอัลมอนด์เพื่อดื่มเอง

อริสา กุลปิยะวาจา

การเริ่มต้นของเธอ คือ การทำและทดลองแจกจ่าย จากนั้นจึงเริ่มทำขาย ปรากฏว่าได้รับผลตอบรับที่ดี เราจึงวางเป้าหมายขยายตลาดไปยังกลุ่มคนที่ต้องการอาหารทางเลือก กลุ่มผู้รักสุขภาพ กลุ่มนักกีฬา และต่อยอดในวงกว้างมากขึ้น อย่างกลุ่มคนดูแลสุขภาพและรักษารูปร่าง ซึ่งได้รับความนิยมมาโดยตลอด ด้วยจุดเด่นที่แตกต่างของสินค้าคือ ‘คั้นสดเต็มเมล็ด’ เท่านั้น  ซึ่งผู้บริโภคจะได้คุณค่าสารอาหารจากถั่วอย่างครบถ้วน

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ทายาท มาเร็วกว่าที่คาด  

"โควิดเชียงใหม่" ผลตรวจเบื้องต้น 150 รายไม่พบเชื้อ

โพลล์ชี้ “คนละครึ่ง” ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ

ในช่วงแรกเริ่ม แน่นอนว่าก็ต้องมีวิธีโปรโมทสินค้าผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียเป็นหลัก โดยเปิดเฟซบุ๊กเพจ 137 degrees เพื่อเป็นคอมมูนิตี้รักสุขภาพออนไลน์ ควบคู่ไปกับการให้ความรู้เรื่องสุขภาพ ซึ่งในปัจจุบันมีผู้ติดตามมากกว่า 4 ล้านคน ทำให้สินค้ากลายเป็นที่พูดถึงอย่างรวดเร็วจากฐานลูกค้าที่มีการบอกต่อแบบปากต่อปาก และมีการนำผลิตภัณฑ์ไปแชร์เป็นข้อมูลในกลุ่มคนรักสุขภาพ จากเดิมที่ไม่มีตลาดนมอัลมอนด์ในประเทศไทย

 

ในปี 2562 ตลาดนมทางเลือกเพื่อสุขภาพที่ผลิตจากถั่วเปลือกแข็งเริ่มเติบโต และมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น 500 ล้านบาท และคาดว่าในปีนี้ จะขยายตัวต่อเนื่องอีกกว่า 10% เนื่องจากยังมีเซกเมนต์ค่อนข้างเล็กจึงมีโอกาสที่จะเติบโตได้อีกมาก ซึ่งสินค้าแบรนด์ “137 ดีกรี” เป็นกลุ่มพรีเมียมที่มีจุดแข็งคือ การสร้างความแตกต่าง ในราคาที่จับต้องได้

กล้าคิด!  “อริสา กุลปิยะวาจา” สาวนักบริหารรุ่นใหม่  ผู้บุกเบิกตลาดนมทางเลือก

เมื่อการแข่งขันในตลาดเริ่มเพิ่มสูงขึ้น “พีช” บอกว่า การพัฒนาต่อยอดจากเดิมที่มีเป็นสิ่งสำคัญ วันนี้ 137 ดีกรี จึงมีการลอนซ์สูตรใหม่ออกมาต่อเนื่อง

 

“ปัจจุบัน 137 ดีกรีเป็นผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์นมทางเลือกเพื่อสุขภาพระดับพรีเมียม ซึ่งสินค้าทั้ง 3 กลุ่ม คือ กลุ่มนมอัลมอนด์ , นมวอลนัท และนมพิสตาชิโอ  มีจะความหลากหลายมากขึ้น เช่น นมอัลมอนด์ สูตรอันสวีทเทนด์ , นมวอลนัท สูตรมัทฉะชาเขียว , นมพิสตาชิโอ สูตรช็อคโกแลต เบลเยี่ยม เป็นต้น ซึ่งทุกรสชาติจะมีวางจำหน่ายทั้งในประเทศและส่งออกไปยัง 5 ทวีป ครอบคลุมกว่า 30 ประเทศทั่วโลก ในสัดส่วน 50:50

 

ล่าสุดยังได้เปิดตัวนมอัลมอนด์สูตรมอลต์และผักเป็นครั้งแรกของโลกออกสู่ตลาดถึง 3 รสชาติ ได้แก่ นมอัลมอนด์สูตรมอลต์ , นมอัลมอนด์ สูตรแครอทและผักรวม และ นมอัลมอนด์ สูตรอโวคาโดและผักรวม พร้อมกับแตกไลน์สินค้าใหม่คือ กลุ่มนมข้าวโพด 3 รสชาติ ได้แก่ นมข้าวโพดสูตรดั้งเดิม, นมอัลมอนด์ สูตรผสมนมข้าวโพดและ นมข้าวโพด สูตรซุปผสมผักรวม 

               

พร้อมกันนี้ยังเปิดตัวนมอัลมอนด์แบรนด์ใหม่ “โฮลี่นัทส์” (Wholly Nuts) สูตร Clean & Lean เน้นรสชาติที่ดื่มง่าย  ในราคาที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น  โดยยังคงใช้กรรมวิธีคั้นจากถั่วเต็มเมล็ด เพื่อรักษาสารอาหารที่มีประโยชน์ ให้แคลเซียมและวิตามินจากธรรมชาติ โดยไม่เติมน้ำตาลทรายและเกลือ

 

“อริสา”  บอกอีกว่า เพื่อรองรับตลาดที่เติบโตต่อเนื่อง บริษัทได้ใช้งบประมาณเกือบ 1,000 ล้านบาท พัฒนาโรงงานที่นิคมอุตสาหกรรมนวนคร จังหวัดปทุมธานี  โดยเริ่มเดินเครื่องผลิตตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา โดยให้ความสำคัญในทุกขั้นตอนการผลิต กระบวนการบรรจุด้วยเทคโนโลยีตามมาตรฐานการรับรองระบบคุณภาพที่ทั่วโลกยอมรับ ทั้ง GMP, HACCP,BRC, ISO 22000 FSSC 22000 และ USFDA

 

“บริษัทให้ความสำคัญการทำตลาดทั้งออฟไลน์และออนไลน์  การสร้างความสัมพันธ์อันดีกับคู่ค้าและผู้บริโภค รวมถึงพันธมิตรด้านช่องทางการจำหน่ายที่หลากหลาย จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าตลอดทั้งปีเพื่อเรียนรู้พฤติกรรมการบริโภคสินค้าจากทั่วโลก โดยในปี 2564  บริษัทตั้งเป้ายอดขายเติบโตขึ้นเป็น 2 เท่าของปี 2563”