สุดปัง "คนละครึ่ง"  โชห่วย-สตรีทฟู้ดโต 3 เท่า • ดันต่อเฟส 2 ม.ค.ปีหน้า

20 พ.ย. 2563 | 07:12 น.

พ่อค้าแม่ค้าเฮ!  อานิสงส์ “คนละครึ่ง” ดันยอดขายโต 2-3 เท่า โชห่วย-สตรีทฟู้ดหนุนรัฐบาลเดินหน้า "คนละครึ่งเฟส 2"

โครงการคนละครึ่ง หนึ่งในมาตรการที่รัฐบาล จัดทำขึ้นเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจระดับฐานราก โดยเปิดให้ผู้ประกอบการรายย่อย โดยเฉพาะกลุ่มหาบเร่ แผงลอย ร้านค้า มีรายได้จากการขายสินค้าเพิ่มขึ้นผ่านแอปพลิเคชั่น “ถุงเงิน” และประชาชนใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง” โดยภาครัฐจะช่วยออกค่าใช้จ่ายให้ 50% แต่ไม่เกิน 150 บาทต่อคนต่อวัน หรือไม่เกิน 3,000 บาทต่อคนตลอดระยะโครงการ เป็นวงเงินรวม 30,000 ล้านบาท ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม และเริ่มใช้จ่ายตั้งแต่วันที่ 23 ต.ค.- 31 ธ.ค. นั้น

 

ใช้จ่ายเฉียด1.9 หมื่นล.

สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ระบุว่า ณ วันที่ 18 พ.ย. 2563 มีร้านค้าเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 7.17 แสนร้านค้า มีผู้ใช้สิทธิแล้วจำนวนกว่า 8.77 ล้านคน มียอดการใช้จ่ายสะสม 18,797 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 9,581 ล้านบาท และภาครัฐร่วมจ่ายอีก 9,216 ล้านบาท ถือเป็นการกระตุ้นการใช้จ่ายได้ดี ทำให้ภาครัฐมีแนวคิดในการจัดทำโครงการคนละครึ่งเฟส 2 ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาปรับปรุงโครงการด้วยการเพิ่มวงเงิน หรือขยายระยะเวลาโครงการเพิ่มเติม เพื่อให้สามารถเริ่มดำเนินการได้ต่อเนื่องในวันที่ 1 ม.ค. 2564 ทันที

 

อย่างไรก็ดี ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ ส่วนใหญ่เป็นร้านอาหารและเครื่องดื่มกว่า 2.28 แสนร้าน ร้านธงฟ้า 4.42 หมื่นร้าน ร้านโอท็อป 1.52 หมื่นร้าน และร้านค้าทั่วไป 1.28 แสนร้าน พบว่ามียอดขายเพิ่มสูงขึ้นถ้วนหน้า โดยเฉพาะร้านอาหารสตรีทฟู้ด ซึ่งมีมูลค่ากว่า 4 แสนล้านบาท พบว่ามียอดขายเติบโตแบบก้าวกระโดด 2-3 เท่าในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา

คนละครึ่ง

ตลาดสดโกยถ้วนหน้า
จากการสำรวจของ “ฐานเศรษฐกิจ” ในตลาดสดย่านถนนรามอินทรา พ่อค้าแม่ค้าต่างมีความเห็นว่า มาตรการคนละครึ่งช่วยกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายซื้อสินค้าได้จริง ทำให้มียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างมากโดยเฉพาะอาหารพร้อมทาน ข้าวแกง ร้านก๋วยเตี๋ยว มียอดขายเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 2-3 เท่าตัวต่อวัน

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คลัง เตรียมเสนอ "คนละครึ่ง เฟส 2" สัปดาห์หน้า

ลงทะเบียนคนละครึ่ง ปังไม่หยุด คลัง แจงใช้จ่ายกว่าหมื่นล้าน

“คนละครึ่ง” กระตุ้นเศรษฐกิจไตรมาส 4/64 คึกคัก

 

“มีลูกค้าใหม่ที่ไม่เคยซื้อ ก็เข้ามาซื้อมากขึ้น บางรายที่เป็นลูกค้าประจำก็มาซื้อถี่ขึ้น เพราะอาหารตามสั่งกล่องละ 50 บาท จ่ายจริงเพียง 25 บาทเท่านั้น เรียกว่าคุ้มมากๆ” แม่ค้าร้านอาหารตามสั่งกล่าว พร้อมยืนยันว่า ยอดขายเพิ่มขึ้นจากช่วงปกติ และอยากให้รัฐบาลมีเฟส 2 ต่อเนื่อง เพราะจะทำให้คนกล้าใช้จ่ายเงินมากขึ้น เศรษฐกิจก็จะดีขึ้น จากก่อนหน้านี้ที่มีโควิดทำให้ยอดขายลดลงกว่า 50%

 

ขณะที่ร้านข้าวแกงเจ้เช็ง ในตลาดสด จ.นครปฐม กล่าวว่า มีลูกค้าเข้ามาซื้อเพิ่มขึ้น จากเดิมที่ซื้อกับข้าว 1-2 อย่าง ก็เพิ่มขึ้นเป็น 2-3 อย่างทำให้มียอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 1 เท่าตัว ส่วนปัญหาที่พบคือ การสแกนจ่ายเงินผ่านแอพพลิเคชั่น อาจไม่ยุ่งยากแต่ช่วงที่ลูกค้าเยอะ อาจจะล่าช้าไปบ้าง จึงอยากให้มีขั้นตอนที่สะดวกกว่านี้

สุดปัง "คนละครึ่ง"   โชห่วย-สตรีทฟู้ดโต 3 เท่า • ดันต่อเฟส 2 ม.ค.ปีหน้า

ปรับแผนสู้สตรีทฟู้ด
ด้านนางสาวบุณย์ญานุช บุญบำรุงทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายสร้างโอกาสทางการตลาด กลุ่มธุรกิจอาหารฟู้ดแพชชั่น กล่าวแสดงความคิดเห็นกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า มาตรการคนละครึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีต่อภาพรวมธุรกิจเมืองไทย ที่ทำให้เอกชนรายใหญ่ ธุรกิจใหญ่ และธุรกิจเล็ก ก้าวเดินไปด้วยกันได้ เพราะหากไม่มีการกระตุ้นภาคธุรกิจทั้งประเทศก็จะเติบโตได้ลำบาก

 

อย่างไรก็ดีแนวโน้มธุรกิจร้านอาหารในช่วงไตรมาสสุดท้ายนี้ มองว่าผู้ประกอบการหลายแบรนด์จะมีการงัดกลยุทธ์ทางการตลาดรูปแบบต่างๆออกมากระตุ้นตลาดในช่วงไฮซีซั่นมากขึ้น เนื่องจากเชนร้านอาหารทั้งขนาดกลางและใหญ่ ค่อนข้างได้รับผลกระทบจากมาตราการคนละครึ่ง ที่ทำให้เงินไหลไปยัง
สตรีทฟู้ด จึงต้องเร่งปรับแผนและอัดโปรโมชั่นออกมากระตุ้นตลาด

 

โชห่วยรับทรัพย์
นายสมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมค้าส่ง-ปลีกไทย, รองประธานสมาพันธ์ เอสเอ็มอีไทย และเจ้าของร้านค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ในย่านหนองแขม เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า มาตรการคนละครึ่ง ส่งผลต่อการใช้จ่ายของคนในระดับล่างมาก แบ่งเบาภาระได้ดี ซึ่งคนเหล่านี้ก็จะใช้จ่ายผ่านโชห่วยทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

 

“ธุรกิจร้านค้าส่งเป็นนิติบุคคลไม่ได้ร่วมโครงการคนละครึ่ง แต่เราก็ได้อานิสงส์จากลูกค้าที่เป็นร้านโชห่วย ซึ่งมาซื้อสินค้าไปจำหน่ายเพิ่มมากขึ้น เรียกว่าแม้เราจะไม่ได้รับอานิสงส์ทางตรงแต่ก็ได้ทางอ้อม”


นอกจากมาตรการคนละครึ่งแล้วการเพิ่มเงินช่วยเหลือค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือบัตรคนจนอีก 500 บาท ก็ช่วยทำให้ร้านค้ามียอดขายที่ดีขึ้น ซึ่งจากทั้งสองมาตรการพบว่ายอดขายของร้านในช่วง 2 เดือนนี้เติบโตเพิ่มขึ้น 10-20% หากเป็นร้านค้าขนาดใหญ่เติบโตกว่า 50% ขณะที่ร้านโชห่วยบางแห่งขายดีขึ้น 2-3 เท่า

สุดปัง "คนละครึ่ง"   โชห่วย-สตรีทฟู้ดโต 3 เท่า • ดันต่อเฟส 2 ม.ค.ปีหน้า

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาพบว่า โครงการดังกล่าวยังขาดการประชาสัมพันธ์ทำให้ประชาชนไม่เข้าใจ และมีบางกลุ่มที่เข้าไม่ถึง ทำให้ไม่ได้เข้าร่วมโครงการอีกทั้งมีเพียงธนาคารกรุงไทยที่ให้บริการ ซึ่งโครงการขนาดใหญ่ ควรจะมีธนาคารที่ร่วมให้บริการมากกว่านี้ อาทิ ธนาคารออมสิน เป็นต้น

 

ทั้งนี้จากการสำรวจยังพบว่า ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งและได้รับความนิยมน้อยก็มีเช่นกัน อาทิ ร้านแฟชั่นเสื้อผ้า ซึ่งพบว่า มียอดขายดีขึ้นเล็กน้อย แม้รัฐบาลจะช่วยออกให้ครึ่งหนึ่งแต่ลูกค้าก็ยังคงตัดสินใจซื้อยากเช่นเดียวกับร้านรองเท้า ที่ระบุว่ามีลูกค้าเข้ามาใช้จ่ายผ่านคนละครึ่งบ้างแต่จำนวนไม่มาก ส่วนหนึ่งเพราะเลือกที่จะใช้จ่ายซื้อสินค้าที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน เช่น อาหารมากกว่า