“ฟิทช์” จัดเครดิต“AAA(tha)” “ธพว.” สูงสุดในประเทศ 8 ปีซ้อน

16 พ.ย. 2563 | 09:45 น.

“ฟิทช์” จัดเครดิต“AAA(tha)” “ธพว.” สูงสุดในประเทศ 8 ปีซ้อน สะท้อนมีเสถียรภาพ และมีบทบาทสำคัญต่อการช่วยเหลือเอสเอ็มอีไทย

รายงานข่าวระบุว่า บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศของ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย หรือ “ธพว.”(SME D Bank) ประจำปี 2563 อยู่ที่ “AAA(tha)” แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ ซึ่งเป็นอันดับสูงที่สุดสำหรับอันดับเครดิตภายในประเทศ  และคงอันดับเครดิตระยะสั้นที่ “F1+(tha)”

ทั้งนี้ สะท้อนมุมมองของฟิทช์ ว่า  SME D Bank มีโอกาสสูงจะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลในกรณีที่มีความจำเป็น โดยพิจารณาจากบทบาทสำคัญในการสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการจากธนาคารพาณิชย์ได้เพียงพอ โดยเฉพาะช่วงที่เศรษฐกิจอ่อนแอ
              อย่างไรก็ดี อันดับเครดิตภายในประเทศยังสะท้อนถึงสถานะทางกฎหมายของธนาคาร ซึ่งก่อตั้งขึ้นภายใต้พระราชบัญญัติเฉพาะเพื่อสนับสนุนนโยบายรัฐบาล และเป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจ อีกทั้ง ยังมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับรัฐบาล และมีสัดส่วนการถือหุ้นโดยตรงจากกระทรวงการคลังถึง 98.9%

“ฟิทช์” จัดเครดิต“AAA(tha)” “ธพว.” สูงสุดในประเทศ 8 ปีซ้อน

รัฐบาลให้การสนับสนุน ธพว. โดยการชดเชยดอกเบี้ยและชดเชยค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากหนี้เสียสำหรับสินเชื่อภายใต้โครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี  อีกทั้ง กระทรวงการคลังสนับสนุนเพิ่มทุนให้ต่อเนื่อง รวมถึงให้การค้ำประกันหุ้นกู้ของ SME D Bank  ช่วยสนับสนุนการดำเนินงานของ SME D Bank  ในช่วงภาวะเศรษฐกิจได้รับผลกระทบอย่างมากจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 (Covid-19) โดย SME D Bank มีมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ ทั้งการเลื่อนชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย รวมถึง ให้เงินกู้ฉุกเฉิน

นางสาวนารถนารี รัฐปัตย์ กรรมการผู้จัดการ ธพว. กล่าวว่า การได้รับจัดอันดับเครดิตที่ ‘AAA (tha)’ ต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2556 ถึง 2563 หรือ 8 ปีซ้อนมาแล้ว  สะท้อนให้เห็นถึงความมีเสถียรภาพเครดิตของ   SME D Bank และการมีบทบาทสำคัญในเชิงนโยบายต่อรัฐบาลตามที่ได้กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติจัดตั้งธนาคารตามกฎหมายให้เป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจเพื่อการพัฒนาเอสเอ็มอี

อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้น SME D Bank  ยิ่งมีบทบาทสำคัญในการเป็นกลไกของรัฐบาล เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยที่ได้รับผลกระทบ ผ่านมาตรการเติมความรู้คู่ทุน  โดย SME D Bank สนับสนุนสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษ ช่วยเสริมสภาพคล่อง รักษาการจ้าง เช่น  “สินเชื่อรายเล็ก Extra Cash”   ครอบคลุมช่วยเหลือทุกกลุ่มธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ทั้งทางตรง และทางอ้อม อัตราดอกเบี้ย 3% ต่อปี ใน 2 ปีแรก  ไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน  

และ “สินเชื่อเพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชน”  นิติบุคคล  อัตราดอกเบี้ย เพียง 2.875%ต่อปี นาน 3 ปีแรก  และบุคคลธรรมดา อัตราดอกเบี้ย เพียง 4.875%ต่อปี นาน 3 ปีแรก   ควบคู่กับมีมาตรการเติมความรู้เพิ่มศักยภาพ ยกระดับธุรกิจ ขยายตลาดใหม่ โดยเฉพาะผ่านอีคอมเมิร์ซ  ซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูง ช่วยให้เอสเอ็มอีเพิ่มรายได้ และสามารถปรับตัวก้าวผ่านวิกฤตโควิด-19 ไปได้ด้วยดี