ไฟเขียว 10 สายการบินต่างชาติเปิดเที่ยวบินเข้าไทย

19 ต.ค. 2563 | 07:54 น.

รัฐบาลทยอยปลดล็อกการเดินทางเข้าไทย ไฟเขียว 10 สายการบินต่างชาติ เปิดเที่ยวบินขาเข้าขนผู้โดยสารได้แล้วตั้งแต่กลางเดือนตุลาคมนี้ แต่ยังต้องกักตัวในที่พัก ASQ

 ปัจจุบันหลังโควิด-19 นอกจากธุรกิจการบินสัญชาติไทย จะหันมาเปิดให้บริการเที่ยวบินภายในประเทศ รวมถึงเปิดให้บริการเที่ยวพิเศษ ในลักษณะเช่าเหมาลำ เพื่อรับคนไทยกลับบ้าน และรองรับผู้จำเป็นที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศแล้ว


ในส่วนของสายการบินต่างชาติ ที่ผ่านมาได้รับอนุญาตให้เปิดเที่ยวบินพิเศษแบบเช่าเหมาลำ บรรทุกผู้โดยสารขาออกจากประเทศไทย เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวตกค้าง แต่ในขณะนี้ (ตั้งแต่กลางเดือนตุลาคม2563) รัฐบาลเริ่มผ่อนคลายให้บางสายการบินกลับมาเปิดให้บริการเที่ยวบินขาเข้าประเทศไทยได้แล้ว เพื่อรองรับคนไทยกลับบ้าน ต่างชาติที่เข้ามาทำงานและพำนักในไทย ต่างชาติที่มีนัดหมายทางการแพทย์ในไทย  ผู้ถือวีซ่านักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ (Special Tourist Visa : STV ) หรือสเปเชียล ทัวริสต์ วีซ่า


โดยรัฐบาลได้เปิดให้สายการบินต่างชาติ จำนวน 10 สายการบิน เริ่มทยอยเปิดให้บริการเที่ยวบิน ขาเข้าไทย ได้แล้ว 10 สายการบิน ได้แก่

 

1.สายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบิน EK 384 บินทุกวัน


2. สายการบินกาตาร์แอร์เวย์ เที่ยวบิน QR 830 และ QR 836 บินทุกวัน


3.สายการบินสายการบินเอทิฮัด เที่ยวบิน EY406บินทุกวัน


4.สายการบินสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิค เที่ยวบิน 653 บิน 4 เที่ยวบิน/สัปดาห์ เริ่มตั้งแต่ 7 ต.ค. 63


5.สายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ เที่ยวบินSQ 976 บิน 3 เที่ยวบิน/สัปดาห์ เริ่มตั้งแต่ 16 ต.ค.


6.สายการบินสายการบินลุฟต์ฮันซา เที่ยวบินLH772 บิน 3 เที่ยวบิน/สัปดาห์ เริ่มวันที่ 16 ต.ต.


7. สายการบินสวิสอินเตอร์เนชั่นแนลแอร์ไลน์ เที่ยวบิน LX 180 บิน 3 เที่ยวบิน/สัปดาห์ เริ่มตั้งแต่ 17 ต.ค.


8.สายการบินออสเตรียนแอร์ไลน์ เที่ยวบินOS 025 บิน3เที่ยวบิน/สัปดาห์ เริ่มตั้งแต่ 17 ต.ค.


9. สายการบินอีวีเอแอร์ เที่ยวบินBR 211 บิน2เที่ยวบิน/สัปดาห์ จะเริ่มทำการบินตั้งแต่วันที่ 25 ต.ค. นี้


10. สายการสายการบินเคแอลเอ็ม จะเริ่มทำการบินตั้งแต่วันที่ 25 ต.ค.นี้

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

3 สายการบินกลุ่มลุฟท์ฮันซ่า เริ่มเปิดเที่ยวบินขาเข้ากรุงเทพฯ

 

โดยทั้ง 10 สายการบินจะได้ขายบัตรโดยสารและนำผู้โดยสารทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศเดินทางเข้ามายังประเทศไทย ในรูปแบบเที่ยวบินกึ่งพาณิชย์ (Semi-Commercial flight) โดยผ่านแนวทางการบริหารจัดการพื้นที่กักกันโรคแห่งรัฐ ในรูปแบบ Alternative State Quarantine(ASQ) คือการกักนผู้เดินทางทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่เข้ามาในราชอาณาจักร โดยใช้สถานประกอบการธุรกิจโรงแรม หรือสถานที่ที่รัฐกำหนดให้เป็นสถานที่กักกัน เพื่อการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคโควิด-19 เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 14 วัน โดยยินยอมชำระค่าใช้จ่ายเองทั้งหมดระหว่างกักกันตนโดยสมัครใจ

 

ทั้งนี้ผู้โดยสารที่เดินทางเข้าประเทศไทย ต้องแสดงเอกสารประกอบดังต่อไปนี้

 

ใบรับรองแพทย์ที่ยืนยันว่ามีสุขภาพเหมาะสมต่อการเดินทางทางอากาศ (Fit-to-Fly health certificate) โดยการออกใบรับรองแพทย์ต้องมีระยะเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมง ก่อนออกเดินทาง

 

การตรวจหาเชื้อโควิด-19 (COVID-19) ด้วยวิธี RT-PCR โดยมีผลการตรวจเชื้อที่ระบุว่าเป็นลบ (negative) หรือ ปราศจากการติดเชื้อ โดยผลการตรวจต้องมีระยะเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมง ก่อนออกเดินทาง

ส่วนผู้โดยสารที่จะเดินทางเข้าไทยได้ จะต้องเป็นไปตามข้อกำหนดของรัฐบาล ได้แก่ผู้มีสัญชาติไทย,ผู้มีเหตุยกเว้น โดยได้รับอนุญาตหรือเทียบเชิญจากนายกรัฐมนตรี หรือหัวหน้าเจ้าหน้าที่ราชการระดับสูง,นักการทูต และเจ้าหน้าที่องค์การระหว่างประเทศ,บุคคลในครอบครัวของผู้มีสัญชาติไทย,ผู้ไม่มีสัญชาติไทย ซึ่งมีใบสำคัญถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย (Certificate of Residence Holders),ผู้มีใบอนุญาตทำงานตามกฎหมาย,นักเรียน หรือนักศึกษา,บุคคลต่างชาติ ซึ่งมีความจำเป็นต้องเข้ามารับการตรวจรักษาพยาบาลในประเทศไทย,บุคคลต่างชาติตามข้อตกลงพิเศษ (Special Arrangement)

 

รวมถึงผู้ไม่มีสัญชาติไทยที่ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรตามข้อตกลงพิเศษกับต่างประเทศ หรือผู้ที่ได้รับอนุญาตจากนายกรัฐมนตรี อันได้แก่ผู้ถือวีซ่าประเภทคนอยู่ชั่วคราวพิเศษ (สมาชิกบัตรเอกสิทธิ์พิเศษ Thailand Elite),ผู้ถือวีซ่าประเภทคนอยู่ชั่วคราวเพื่อการพำนักอาศัยในประเทศไทยระยะยาว (Non-Immigrant รหัส O-A / O-X),ผู้ถือบัตร APEC (สำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางจาก 8 เขตเศรษฐกิจที่เดินทางมาจากเขตเศรษฐกิจของตนเอง ได้แก่ นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย สิงคโปร์ มาเลเซีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น จีน และฮ่องกง),ผู้ถือวีซ่าประเภทนักท่องเที่ยวพิเศษ (Special Tourist Visa: STV)