Double A จัดทัพธุรกิจสู่ New S-Curve

28 ก.ย. 2563 | 12:53 น.

Double A ปรับโครงสร้างธุรกิจระยะยาว เพื่อก้าวสู่ New S-Curve พร้อมขยายเข้าสู่ผลิตภัณฑ์กระดาษบรรจุภัณฑ์ อุปกรณ์สำนักงาน และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัย Double A Care มั่นใจเติบโต 10%

ผลจากเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น จากการขยายตัวของธุรกิจออนไลน์ทำให้ผู้บริหาร Double A วางยุทธศาสตร์ในการ Transform องค์กร สร้าง New S-Curve ขึ้นมารองรับ 


สำหรับดั๊บเบิ้ล เอ เริ่มรุกตลาดผลิตภัณฑ์อุปกรณ์สำนักงาน เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมาภายใต้แบรนด์ “Double A” และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ และในช่วงต้นปีที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระบาด ดั๊บเบิ้ล เอ ได้เพิ่มกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัยภายใต้แบรนด์ “Double A Care”  โดยอาศัยศักยภาพในการผลิต แบรนด์ และช่องทางการจัดจำหน่ายที่มีอยู่

 


ขณะเดียวกันได้รุกสู่ธุรกิจกระดาษบรรจุภัณฑ์ โดยจับมือกับพันธมิตรในประเทศจีนอาศัยซัพพลายเชนที่แข็งแกร่งเข้าสู่ธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว ภายในระยะเวลาเพียง 9 เดือน และกำลังขยายโรงงานเพิ่มขึ้นอีกในปี 2564

 

Double A จัดทัพธุรกิจสู่ New S-Curve
 

โดยดั๊บเบิ้ล เอ ตั้งความหวังว่า กระดาษบรรจุภัณฑ์ จะเป็น New S-Curve ที่แข็งแกร่งของ ดั๊บเบิ้ล เอ และ รายได้ส่วนหนึ่ง จะมาจากธุรกิจนี้ ขณะที่ธุรกิจอุปกรณ์สำนักงานและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัย ภายใต้แบรนด์ “Double A Care” จะเป็นธุรกิจเสริมในการสร้างผลกำไร 

 

Double A จัดทัพธุรกิจสู่ New S-Curve
"ทีมผู้บริหารได้เล็งเห็นโอกาสในการเติบโตของกระดาษบรรจุภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัย เช่น หน้ากากอนามัยคุณภาพสูง เจลแอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือ ซึ่งจะเข้ามาเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ใช้ในสำนักงานและชีวิตประจำวันมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยสร้างความแข็งแกร่งและความยั่งยืนให้กับธุรกิจในระยะยาว  ขณะเดียวกันธุรกิจกระดาษสำนักงานของดั๊บเบิ้ล เอ ยังคงมีความแข็งแกร่งและมีตลาดในทุกภูมิภาคทั่วโลกกว่า 130 ประเทศ"
 

นอกจากกลยุทธ์ด้านตัวสินค้าแล้ว ดั๊บเบิ้ล เอ ยังได้ปรับปรุงการบริหารจัดการภายใน อาทิ งานบัญชี การเงิน และฝ่ายปฏิบัติการให้ทันสมัย ใช้คนน้อยลง และที่สำคัญคือการปรับองค์กรให้พนักงานเข้ามาอยู่ในรูปแบบของ Digital Manpower ที่ไม่เพียงขับเคลื่อนโรงงานอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังสามารถสลับพนักงานไปทำงานในส่วนงานที่มีคุณค่ามากขึ้นได้ทำให้ลดต้นทุนการทำงานในโรงงานลงได้ 100-200 ล้านบาทต่อปี