นางสาวริญญรัตน์ เรืองรัตนารัตน์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท สิงหา ฟู้ด อินดัสทรีส์(ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเบเกอรี่ภายใต้แบรนด์ “เอพริล เบเกอรี่” (April’s Bakery) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า นโยบายการทำตลาดของบริษัทนับจากนี้ยังจะให้ความสำคัญกับการขยายตลาดและสร้างแบรนด์ในเชิงรุกมากขึ้น โดยแผนงานในปีนี้จะให้ความสำคัญกับการขยายตลาดไปยังช่องทางต่างๆเพื่อให้ครอบ คลุมทุกกลุ่มเป้าหมายทั่วประเทศมากขึ้น หลังจากช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้นำขนมเปี๊ยะภายใต้แบรนด์ April’s Bakery เข้าไปวางจำหน่ายในช่องทางเซเว่น อีเลฟเว่น และได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดี

“สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ทำให้แผนงานของเราหลายอย่างถูกขยับเข้ามาให้เร็วขึ้น ทั้งการรุกเข้าไปในตลาดออนไลน์เต็มรูปแบบ การเปิดตัวสินค้าโฟรเซ่น เพื่อรักษาการเติบโตในช่วงภาวะวิกฤติซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยในช่วงล็อกดาวน์ที่ผ่านมาบริษัทมียอดขายจากช่องทางออนไลน์เติบโตมากกว่าช่วงปกติถึง 3 เท่าตัว โดยสินค้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือสินค้าโฟรเซ่นของบริษัท”

สำหรับแผนงานนับจากนี้บริษัทจะให้ความสำคัญกับการขยายช่องทางการจำหน่ายไปยังร้านกาแฟ ,คาเฟ่ต่างๆ เพิ่มมากขึ้น โดยปัจจุบันได้เข้าไปวางจำหน่ายในร้านกาแฟแล้วกว่า 80 สาขา ไม่ว่าจะเป็นร้านคาเฟ่อเมซอน, อินทนิล เป็นต้น โดยวางเป้าหมายขยายเข้าไปยังร้านกาแฟให้ครบ 200-300 สาขาในสิ้นปี ก่อนจะขยายเข้าไปยังช่องซูเปอร์มาร์เก็ตอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังเตรียมรุกเข้าไปยังช่องทางร้านของฝากในต่างจังหวัด อาทิ นครสวรรค์ เชียงใหม่ ฯลฯ เนื่องจากมองว่าช่องทางดังกล่าวมีศักยภาพในการเติบโตและสามารถเข้าถึงลูกค้าในต่างจังหวัดได้ง่ายและทั่วถึงมากกว่า

“เดิมทีเรามีฐานลูกค้าหลักเป็นกลุ่มคนทำงานในระดับบีบวกในเขตเมือง แต่แผนงานนับจากนี้จะเน้นขยายการจำหน่ายไปยังช่องทางต่างๆมากขึ้น ทั้งโมเดิร์นเทรด ร้านกาแฟ ร้านของฝาก เพื่อสร้างการเข้าถึง และขยายฐานลูกค้าไปยังวงกว้างมากขึ้น โดยแต่ละช่องทางการจำหน่ายจะมีรสชาติ และราคาที่แตกต่างออกไปตามความต้องการของแต่ละกลุ่มเป้าหมายในแต่ละช่องทาง เพื่อขยายฐานลูกค้าและตอบโจทย์การรับประทานให้ตรงจุดมากที่สุด”

นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนในการเปิด Cloud Kitchen เพื่อรองรับการขยายตัวของช่องทางดีลิเวอรีที่กำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยได้เตรียมขยาย Cloud Kitchen เพิ่มในโซนลาดพร้าว จากปัจจุบันที่มีการใช้ครัวกลางออนไลน์ร่วมกับโรงงานการผลิตของบริษัทในย่านพระราม 2 และพระราม 3 โดยในส่วนของตลาดต่างประเทศในขณะนี้บริษัทได้มีการชะลอแผนงานไว้ก่อน เนื่องจากปัญการการระบาดของโควิด-19 ซึ่งหากสถานการณ์กลับมาตามปกติบริษัทก็พร้อมที่จะทบทวนแผนงานอีกครั้ง

อย่างไรก็ตามปัจจุบันบริษัทมีจำนวนสาขาทั้งสิ้น 50 สาขา แบ่งเป็นแฟรนไชส์ 40 สาขาและสาขาที่บริษัทลงทุนเอง 10 สาขา โดยในปีนี้ยังไม่มีแผนขยายสาขาเพิ่มเติมแต่อย่างใด เนื่องจากต้องการโฟกัสการทำตลาด โดยวางเป้าหมายรายได้ในสิ้นปีนี้ไว้ที่ 170 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมาที่มีรายได้ 130 ล้านบาท แบ่งเป็นจากช่องทางเซเว่น-อีเลฟเว่น 50% หน้าร้านและออนไลน์ 50% ซึ่งหลังจากการทำการตลาดเชิงรุกพร้อมทั้งขยายช่องทางการจำหน่ายมากขึ้น จะทำให้ในปีหน้าบริษัทให้มีสัดส่วนยอดขายจากช่องทางการจำหน่ายเซเว่น-อีเลฟเว่น 50% ร้านกาแฟและร้านขายของฝาก 15% หน้าร้านและออนไลน์ 35%

 หน้า 21-22 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,611 วันที่ 20 - 23 กันยายน พ.ศ. 2563

ข่าวที่เกี่ยวข้อง 

S&P เดินหน้าดันยอดขายไตรมาส4 ฟื้น

ชู Farmhouse Delivery  ดันยอดขาย