จับตาอาลีบาบา ไล่ฮุบแกร็บ 9.4หมื่นล้าน

16 ก.ย. 2563 | 00:25 น.

  “อาลีบาบา” ยังเป็นเจ้าบุญทุ่มแห่งวงการเศรษฐกิจดิจิทัลโดยเดินหน้าฮุบกิจการเพื่อต่อยอดธุรกิจสู่ผู้นำเศรษฐกิจดิจิทัล โดยล่าสุดกำลังเจรจาซื้อกิจการแกร็บ

ธุรกิจขนส่งออนดีมานด์ระดับภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีมูลค่าซื้อขายอยู่ 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นมูลค่าสูงถึง 9.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งอาลีบาบา มีการเจรจาซื้อแกร็บมาตั้งแต่ปีที่ผ่านมาผ่านพันธมิตรรายสำคัญคือซอฟต์แบงก์ ที่ถือหุ้นในแกร็บ หลายคนตั้งคำถามว่าอาลีบาบาซื้อแกร็บไปทำอะไร โดยขณะนี้แกร็บในหลายประเทศประสบปัญหาขาดทุน ล่าสุดทนพิษโควิดไม่ไหวเลิกจ้างพนักงานไปประมาณ 360 คน หรือประมาณ 5%

  “ฐานเศรษฐกิจ”ได้ติดต่อสอบถามกระแสข่าวที่เกิดขึ้นไป ยัง “อาลีบาบา” ซึ่งได้รับคำตอบว่า ทางอาลีบาบา ขออนุญาต​แจ้งว่าไม่สามารถ​ตอบคำถามเรื่องนี้ได้ในขณะนี้

  ด้านนายภาวุธ พงษ์วิทยภานุ กรรมการผู้จัดการ และผู้ก่อตั้ง บริษัทตลาดดอตคอม กรุ๊ป จำกัด กูรูทางด้านดิจิทัล แสดงความเห็นในเรื่องดังกล่าวกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่าหากดีลดังกล่าวประสบความสำเร็จจะกลายการผนวกกิจการดิจิทัลครั้งใหญ่สุดในภูมิภาค ระหว่างผู้นำทางด้านอีคอมเมิร์ซ และขนส่งออนดีมานด์

 

โดยการลงทุนของอาลีบาบาถือเป็นการลงทุนเชิงยุทธศาสตร์ เพื่อสยายปีกบริการดิจิทัลเซอร์วิสออกไปสู่ตลาดภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ธุรกิจขนส่งออนดีมานด์ของแกร็บ จะเข้ามาเป็นหนึ่งในจิ๊กซอว์สำคัญของธุรกิจอีคอมเมิร์ซของอาลีบาบา

 

ที่สำคัญอาลีบาบาเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคในภูมิภาคนี้มากขึ้น โดยเครือข่ายพาร์ทเนอร์คนขับของแกร็บในภูมิภาคจะเป็นตัวช่วยให้กับลาซาด้า ในการส่งสินค้าไปยังผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็วขึ้น ขณะเดียวกันต่อไปเราอาจเห็นอาหารขึ้นไปขายบนแพลตฟอร์ม ลาซาด้า

 

อาลีบาบายังได้ฐานผู้ใช้งานแกร็บ ที่ปัจจุบันใช้เวลา หรือมีการเข้าแอพสูงกว่าอาลีบาบา โดยขณะนี้แกร็บ มีฐานผู้ใช้ที่มียอดการติดตั้งในโทรศัพท์มือถือ 100 ล้านเครื่อง และเครือข่ายผู้ขับขี่ พันธมิตรผู้ขนส่ง ผู้ค้าและตัวแทนรวมกว่า 7.1 ล้านคน

 

อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่ากังวล หากดีลนี้ประสบความสำเร็จ คือ การผูกขาดบริการดิจิทัล ส่งผลกระทบโดยตรงกับคู่แข่งอย่าง “ช้อปปี้”และผู้ประกอบการไทย ซึ่งวันนี้เราก็เห็นผลกระทบกับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ที่มีสินค้าจีนทะลักเข้ามาขายผ่านแพลตฟอร์มลาซาด้าเป็นจำนวนมาก

 

นายภาวุธ กล่าวต่อไปอีกว่าโดยสินค้าจีนมีแนวโน้มเข้ามาในไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยวันนี้แพลตฟอร์มใหญ่มีการตั้งคลังสินค้าเพื่อเก็บสต็อกสินค้า รองรับการเก็บสต็อกสินค้าจีนโดยเฉพาะ ไม่นับรวมอาลีบาบา ที่เข้ามาตั้งคลังสินค้าในฟรีเทรดโซน ซึ่งจะทำให้การขนส่งสินค้าไปยังมือผู้บริโภครวดเร็วขึ้นไปอีก

 

อนึ่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังเป็นแผ่นดินทองของธุรกิจออนไลน์ โดยรายงานกูเกิล (Google) ร่วมศึกษาเทมาเสก ระบุว่ามูลค่าเศรษฐกิจดิจิทัลของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีมูลค่า 7.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2018 และคาดการณ์ว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2025ทั้งนี้ประเมินว่า จีนทั้งอาลีบาบาและเทนเซ็นต์ จะเป็นผู้นำเศรษฐกิจดิจิทัล

 

หน้า 2 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3610 วันที่ 17-19 กันยายน 2563