หมอบุญ แนะเสริมแกร่ง กระทรวงหลัก ฝ่าวิกฤติการเงิน

26 ส.ค. 2563 | 09:03 น.

หวั่นวิกฤติโควิด วิกฤติเศรษฐกิจ ฉุดภาพรวมประเทศทรุด “หมอบุญ” แนะเสริมแกร่ง 5 กระทรวง คลัง, เกษตรและสหกรณ์,พาณิชย์,ต่างประเทศ และพลังงาน ผนึกกำลังสร้างความมั่นคงประเทศ

นายแพทย์ บุญวนาสิน ประธานกรรมการ บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊) จำกัด (มหาชน) หรือ THG  เปิดเผยในโครงการสัมมนาตลาดหุ้น “จับสัญญาณหุ้นไทย หลังโควิด”  ในหัวข้อ : หุ้นเด็ด รับอานิสงส์โควิด ซึ่งจัดขึ้นโดย “หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ” ว่า  ประเทศไทย 60 ปีที่ผ่านมาเจอวิกฤติมากมายนับไม่ถ้วน ซึ่งจุดดีที่สุดในไทยคือในยุค 1960 หลังจากนั้นภาพรวมหุ้นและเศรษฐกิจไทยก็ไหลลงเรื่อยๆ (ขณะนั้นไทยจีดีพีต่ำสุดในอาเซี่ยน) ตามมาด้วยปัญหาญี่ปุ่นโดนบังคับให้ลดค่าเงินเยน พร้อมๆกับย้ายฐานการผลิตสินค้าต่าๆมาไทย ที่มาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายของภาครัฐในการสนับสนุนเอกชน (ฟรีเอกเชน) จนเกิดฟองสบู่แตกในประเทศไทยในที่สุด (ปี 2540)  ซึ่งเป็นสิ่งที่สะท้อนได้เป็นอย่างดีว่างเรื่องของการเงินเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน

หมอบุญ แนะเสริมแกร่ง กระทรวงหลัก ฝ่าวิกฤติการเงิน

ดังนั้นมองว่ากระทรวงสำคัญที่มีบทบาทต่อการเปลี่ยนแปลง และสร้างความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจของประเทศให้มีความมั่นคง ประกอบไปด้วย 5 กระทรวงหลัก ได้แก่ กระทรวงการคลัง, กระทรวงเกษตรและสหกรณ์,กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงต่างประเทศ และในยุคนี้คงต้องรวมถึงกระทรวงพลังงานเข้ามาเพิ่มในการสร้างความมั่นคงด้านเศรษฐกิจและการเงินของประเทศในยุคนี้ จึงจำเป็นต้องมีการผนึกกำลังกันเพื่อฝ่าวิกฤติในครั้งนี้

การผันผวนด้านเศรษฐกิจรุนแรงมีหลายวิกฤติที่ผ่านมา และใช้เวลาหลายปีในการเปลี่ยนผ่าน ซึ่งรอบนี้การฟื้นจะเป็นรอบตัวแอลหรือตัววี เป็นสิ่งที่ต้องประเมิน ซึ่งโดยส่วนตัวมองว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจรอบนี้น่าจะเป็นรูปตัวแอล สังเกตได้จากเม็ดเงินการลงทุน ความสามารถในการแข่งขัน และการลงทุน”

หมอบุญ แนะเสริมแกร่ง กระทรวงหลัก ฝ่าวิกฤติการเงิน

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

สำหรับประเด็นสำคัญที่สุดว่าทำไมเศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นตัว เพราะผู้ประกอบการไม่ลงทุนเพิ่ม บางรายตัดค่าใช้จ่ายลง 30% หรือลดการลงทุนลง ส่งผลให้เกิดปัญหาใหญ่ด้านโครงสร้าง  ขณะที่การระบาดของโควิด 19 ก็ส่งผลกระทบคต่อการท่องเที่ยวให้ลดลง โดยไทยพึ่งพาภาคการท่องเที่ยวเป็นหลักปีละหลายล้านคน ขณะที่ภาคการส่งออกก็หายไป 6 หมื่นล้านบาทในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่ 7 เดือนที่ผ่านมาต่างชาติถอนการลงทุนไป 8 แสนล้านบาท ที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนด้านเศรษฐกิจของไทย

 

โดยในส่วนของทางกลุ่มรพ.ธนบุรี ได้มีการลงทุนในหลายด้านโดยเฉพาะในต่างประเทศ ,เรื่องของไอที และลงทุนรับผิดชอบทางสังคม (รับมือโควิด) ทำให้ทางกลุ่มมีการลงทุนในหลายส่วนเพื่อรองรับ นอกจากนี้ยังมีเรื่องของ “เทเลเมดิซีน” เพื่อรองรับจำนวนผู้ป่วยนอกที่ลดลง ซึ่งสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้ป่วยได้ นอกจากนี้ทางกลุ่มยังมีแผนการลงทุนพัฒนาเทคโนโยลีถุงมือยาง ซึ่งมองว่าขณะนี้ตลาดมีความต้องการกว่า 2 พันล้านกล่อง ทำอย่างไรจึงจะผลิตและสามารถตอบโจทย์ความต้องการดังกล่าวได้ เนื่องจากถุงมือยางทำจากยางธรรมชาติ ทำให้ต้องมีกระบวนการในการพัฒนา