‘ไมเนอร์ ฟู้ด’  โหมร้านอาหาร  รับนิว นอร์มอล

02 ส.ค. 2563 | 10:00 น.

เปิดแผน “ไมเนอร์ ฟู้ด” รุกตลาดครึ่งปีหลัง เร่งพัฒนาร้านอาหารครบวงจรรับวิถีใหม่ ชูดีลิเวอรี เมนูใหม่ บริการเสริมทั้งแกร็บแอนด์โก และคลาวนด์ คิทเช่น ขยายฐานสร้างรายได้ทุกช่องทาง

นายดิลลิป ราชากาเรีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT และรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไมเนอร์ ฟู้ด เปิดเผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ไมเนอร์ ฟู้ดจึงเร่งปรับตัวพัฒนาองค์กร กระจายการลงทุนช่วยลดความรุนแรงของผลกระทบ ไม่ว่าจะเป็นการบริการจัดส่งอาหารหรือดีลิเวอรี และบริการซื้อกลับบ้าน ซึ่งหลังจากโควิด-19 คลี่คลาย ปัจจุบันร้านอาหารของไมเนอร์ ฟู้ดกลับมาเปิดให้บริการแล้ว 95% ของร้านอาหารทั้งหมดราว 1,490 แห่งทั่วประเทศ

ขณะที่การดำเนินงานในต่างประเทศนั้นมีการฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศจีน ซึ่งกลับมาเปิดให้บริการแล้วราว 90% ของร้านอาหารทั้งหมด และกลับมามีกำไรในระดับร้านสาขาในเดือนพฤษภาคม โดยคาดว่าการดำเนินงานในประเทศจีนจะฟื้นตัวสู่ระดับก่อนเกิดวิกฤติภายในช่วงต้นเดือนสิงหาคมนี้

‘ไมเนอร์ ฟู้ด’   โหมร้านอาหาร   รับนิว นอร์มอล

ด้านนายประพัฒน์ เสียงจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แผนการดำเนินงานในครึ่งปีหลังบริษัทจะยกระดับบริการดีลิเวอรี โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามามีส่วนร่วม ผ่านการพัฒนาแพลตฟอร์มการสั่งอาหารออนไลน์ ตาม New Normal ที่ผู้บริโภคหันไปพึ่งพาเทคโนโลยีดิจิทัลมากขึ้น หลังจากที่พบว่า ในไตรมาสสองบริษัทมียอดขายดีลิเวอรีโตขึ้น 3 เท่าจากช่องทางเดียวกันของปีก่อน

นอกจากนี้ยังพัฒนาเมนูใหม่ๆ เพื่อดึงดูดผู้บริโภค ผ่านการนำผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่แล้วมาพัฒนาทางด้านนวัตกรรมให้เกิดผลิตภัณฑ์ใหม่ รวมถึงการออกแคมเปญการตลาดที่มีความสร้างสรรค์ ดึงดูดลูกค้าได้ดี การพัฒนาโมเดลร้านรูปแบบคีออส เป็นการให้บริการแกร็บแอนด์โกที่สามารถสร้างรายได้ อาทิ สถานที่ทำงาน รถไฟฟ้า ฯลฯ การพัฒนา “Cloud Kitchen” โมเดลครัวกลางรูปแบบใหม่ให้บริการที่ สะดวก ใกล้บ้าน จากการนำเอาคอนเซ็ปต์ Cloud มาประยุกต์ใช้กับร้านอาหาร เกิดเป็น Cloud Kitchen ซึ่งแพลตฟอร์มนี้ช่วยให้ลูกค้าที่สั่งอาหารแบบดีลิเวอรี ได้รับอาหารรวดเร็วขึ้น

สำหรับกลุ่มไมเนอร์ ฟู้ด เป็นหนึ่งในกลุ่มบริษัทร้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย โดยแบรนด์ร้านอาหารที่เป็นที่รู้จักได้แก่ The Pizza Company, Swensen’s, Sizzler, The Coffee Club, Dairy Queen, Burger King และ Bonchon รวมมากกว่า 2,200 ร้านใน 26 ประเทศ ซึ่งตอบโจทย์ลูกค้าหลากหลายประเภทได้อย่างครอบคลุม ซึ่งบริษัทมุ่งเน้นการปรับเปลี่ยนองค์กรให้เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในภาคอุตสาหกรรมร้านอาหารและท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลกอยู่เสมอ ด้วยการสร้างความแข็งแกร่งของแบรนด์ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล และการปรับการดำเนินงานให้คงประสิทธิภาพที่พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ 

 

หน้า 21-22 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,597 วันที่ 2 - 5 สิงหาคม พ.ศ. 2563