เจ้าพ่อไมเนอร์ กรุ๊ป “วิลเลียม ไฮเน็ค” แนะสู้อย่างไร ให้รอดโควิด-19

05 ก.ค. 2563 | 05:04 น.

“วิลเลียม ไฮเน็ค” เจ้าพ่อไมเนอร์ กรุ๊ป ถอดรหัสความสำเร็จสู้อย่างไร ให้รอดโควิด-19

วันนี้แม้สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 จะคลี่คลาย แต่ต้องยอมรับว่าวิกฤติครั้งนี้ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเศรษฐกิจและสังคม หลายองค์กรต้องปิดกิจการเพราะไม่สามารถเดินหน้าต่อได้ แต่อีกหลายธุรกิจก็สามารถปรับตัวและขยายธุรกิจต่อ เช่นเดียวกับ “ไมเนอร์ กรุ๊ป” หนึ่งในผู้ประกอบการชั้นนำในธุรกิจโรงแรม  อาหารและแบรนด์แฟชั่น ภายใต้การนำของ “วิลเลียม ไฮเน็ค

 

นายวิลเลียม ไฮเน็ค ประธานกรรมการ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สถานการณ์โควิด-19 ได้มอบบทเรียนในการประกอบธุรกิจหลายประการให้กับไมเนอร์ บทเรียนที่สำคัญที่สุดคือ หนึ่งในหัวใจของการลงทุนธุรกิจคือการกระจายการลงทุน โดยปกติ หากเกิดอุปสรรคทางเศรษฐกิจในอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่ง บริษัทที่ดำเนินกิจการอยู่ในอุตสาหกรรมนั้น ๆ ก็จะประสบปัญหาอย่างหนัก เช่นเดียวกับธุรกิจที่มีฐานอยู่ในภูมิภาคเดียว

วิลเลียม ไฮเน็ค

หากภูมิภาคนั้นประสบปัญหา ไม่ว่าจะเป็นการเมือง หรือภัยธรรมชาติ ก็จะกระทบการดำเนินงานทั้งหมด แต่ถ้าหากบริษัทกระจายกิจการไปตามอุตสาหกรรมต่าง ๆ และภูมิภาคหลาย ๆ แห่ง บริษัทก็จะยังมีรายได้เข้ามา และสามารถดำเนินธุรกิจเป็นส่วน ๆ ต่อไปได้ ซึ่งเป็นการลดความเสี่ยง ควบคุมความสูญเสียที่อาจเกิดจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ

 

อีกบทเรียน คือการปรับตัวสู่ยุคดิจิทัล ไมเนอร์ต้องเร่งมือเปลี่ยนแปลงรูปแบบองค์กรอย่างมีกลยุทธ์โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น จากเดิมที่มีการนำเทคโนโลยีมาใช้อยู่แล้ว เพื่อสอดรับกับยุคสมัยที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว และพฤติกรรมของผู้คนเอนเอียงไปทางโลกดิจิทัลที่อำนวยความสะดวกและปลอดภัยต่อการติดโรคโควิด-19

เจ้าพ่อไมเนอร์ กรุ๊ป “วิลเลียม ไฮเน็ค” แนะสู้อย่างไร ให้รอดโควิด-19

“การกระจายการลงทุนจะช่วยองค์กรเมื่ออุปสงค์กลับ พร้อมรับอุปสงค์ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมไหน หรือฐานธุรกิจภูมิภาคใด เพราะฉะนั้นการขยายธุรกิจที่จะช่วยให้องค์กรเติบโตขึ้นอย่างแข็งแรงพร้อมความเสี่ยงทางเศรษฐกิจต่ำ คือการกระจายการลงทุนเพื่อไม่ให้ธุรกิจทั้งหมดของบริษัทต้องเผชิญกับความเสี่ยงทางเศรษฐกิจจากบางอุตสาหกรรม หรือภูมิภาคบางแห่ง”

เจ้าพ่อไมเนอร์ กรุ๊ป “วิลเลียม ไฮเน็ค” แนะสู้อย่างไร ให้รอดโควิด-19

ขณะที่ในสถานการณ์ล็อกดาวน์ที่ร้านอาหารไม่สามารถให้บริการในร้านได้ หรือห้างสรรพสินค้าที่ปิดช่วงการระบาดนี้ ก็ทำให้ร้านค้าหลายร้านได้รับผลกระทบไปด้วย แต่เพราะไมเนอร์ได้เปิดบริการสั่งอาหาร  ดีลิเวอรีทางออนไลน์ รวมทั้งสินค้าไลฟ์สไตล์ที่มุ่งเน้นไปที่ช่องทางออนไลน์ ทำให้บริษัทสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้บางส่วน แม้จะยังประสบวิกฤติโควิด-19 อยู่ก็ตาม

 

นอกจากนี้ การระบาดของโควิด-19 ทำให้ธุรกิจที่มีประกาศนียบัตรความสะอาดอนามัยดี ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าใช้บริการ ระหว่างช่วงที่มีการคลายล็อกดาวน์อย่างระมัดระวังเพื่อยกระดับมาตรฐานสุขอนามัยกับความปลอดภัยของทั้งลูกค้าและพนักงาน มาตรการความสะอาดปลอดภัยนี้เป็นการเพิ่มคุณค่าให้กับการเข้าพักโรงแรมในเครือ

เจ้าพ่อไมเนอร์ กรุ๊ป “วิลเลียม ไฮเน็ค” แนะสู้อย่างไร ให้รอดโควิด-19

ขณะที่การคลายล็อกดาวน์ในหลายประเทศ และการท่องเที่ยวภายในประเทศจะฟื้นกลับมาก่อน จะส่งผลดีต่อธุรกิจโรงแรมในเครือไมเนอร์ ไมเนอร์มีโรงแรมในเครือกว่า 530 แห่ง ซึ่งตั้งอยู่ในทั้งหมด 55 ประเทศ ผู้เข้าพักโรงแรมในครือในยุโรปกับเอเชียเป็นคนในท้องที่นั้นอยู่แล้วมากถึง 60% โรงแรมในเครือ ไม่ว่าจะเป็นภายใต้แบรนด์ อนันตรา (Anantara) อวานี (Avani) ทิโวลี (Tivoli) เอ็นเอช โฮเทลส์ (NH Hotels) นาว (nhow) เอเลวาน่า (Elewana) โฟร์ซีซั่นส์ (Four Seasons) ฯลฯ ล้วนมีชื่อเสียงมีตั้งแต่ 4 ดาว ถึง 6 ดาว

เจ้าพ่อไมเนอร์ กรุ๊ป “วิลเลียม ไฮเน็ค” แนะสู้อย่างไร ให้รอดโควิด-19

รวมถึงร้านอาหารในกลุ่มไมเนอร์ ฟู้ด ทั้งซิซซ์เล่อร์ (Sizzler) เดอะ พิซซ่า คอมปะนี (The Pizza Company) กับ เบอร์เกอร์ คิง (Burger King) และบอนชอน (Bonchon) เป็นต้น  และแบรนด์แฟชั่น ไลฟ์สไตล์ อาทิ อเนลโล่ (Anello) บอสสินี่ (Bossini) ชาร์ล แอนด์ คีธ (Charles & Keith) เอสปรี (Esprit) เอแตม (Etam) เป็นต้น ซึ่งความหลากหลายของแบรนด์สามารถตอบสนองความต้องการของประชากรหลายกลุ่ม ชาย หญิง เด็ก หรือผู้ใหญ่ ความหลากหลายนี้ยังสอดคล้องกับความชื่นชอบของคนไทยที่แตกต่างกันไป