เปิดมติครม. "เราเที่ยวด้วยกัน-กำลังใจ" ปลุกท่องเที่ยว ฟื้นศก. 7 แสนล้าน

30 มิ.ย. 2563 | 10:51 น.

เปิดมติคคณะรัฐมนตรี รายละเอียดโครงการ "เราเที่ยวด้วยกัน-กำลังใจ" ปลุกการท่องเที่ยวในประเทศ คาดช่วยฟื้นเศรษฐกิจมากกว่า 7 แสนล้านบาท

วันที่ 30 มิ.ย. 63 นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงมติคณะรัฐมนตรี(ครม.)ว่า ครม.เห็นชอบงบประมาณ 22,400 ล้านบาท เพื่อดำเนินการโครงการ "เราเที่ยวด้วยกัน " และโครงการ "กำลังใจ" เป็น 2 โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมภาคการท่องเที่ยว ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ตามที่สํานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เสนอในฐานะฝ่ายเลขานุการฯ ของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้แห่งพระราชกําหนดให้อํานาจ กระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการ ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา  2019 พ.ศ. 2563 

นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงมติครม.โครงการ "เราเที่ยวด้วยกัน " และโครงการ "กำลังใจ

นางสาวไตรศุลี กล่าวถึงรายละเอียดของ 2 โครงการว่า เพื่อเป็นการฟื้นฟูภาคธุรกิจท่องเที่ยว ภายในประเทศที่ซบเซา โดยการส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวภายในประเทศ อันจะทําให้ภาคธุรกิจท่องเที่ยวยังคงเกิดการจ้างงาน และมีการสร้างรายได้ให้กับประเทศ

โดยโครงการ "เราเที่ยวด้วยกัน" เป็นการเปลี่ยนชื่อโดยรวมจาก เที่ยวปันสุข กับมาตรการ เที่ยวด้วยกัน โดยสนับสนุนค่าตั๋วเครื่องบิน ระยะเวลาดําเนินโครงการ 4 เดือน กรกฎาคม-ตุลาคม 2563 มีแผนการใช้จ่ายเงินตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม ถึง 31 ธันวาคม 2563 รวมวงเงินงบประมาณจำนวน 20,000 ล้านบาท

 

แบ่งเป็น 1. งบเงินอุดหนุน ค่าสนับสนุนโรงแรมที่พัก 5 ล้านคืน จำนวน 15,000 ล้านบาท 2. งบเงินอุดหนุน ค่าสนับสนุนร้านอาหารและแหล่งท่องเที่ยว 5 ล้านสิทธิ์ จำนวน 3,000 ล้านบาท  3. งบเงินอุดหนุน ค่าสนับสนุนตั๋วเครื่องบิน 2 ล้านใบ จำนวน 2,000 ล้านบาท 

 

"ผลที่คาดว่าจะได้รับ คาดว่าโครงการเราเที่ยวด้วยกัน จะสร้างรายได้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร แหล่งท่องเที่ยวและสายการบิน โดยประมาณ การรายได้ทางตรงแก่ผู้ประกอบการรวมไม่น้อยกว่า 5 หมื่นล้านบาท และรายได้สู่อุตสาหกรรม ท่องเที่ยวในภาพรวมไม่น้อยกว่า  26,127,800 ล้านบาท ตลอดระยะเวลาดําเนินโครงการ ซึ่งก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อมรวมไม่น้อยกว่า 726,127.8 ล้านบาท"

 

สำหรับการเบิกจ่ายเงิน ให้กระทรวงการคลังเป็นผู้กําหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และคุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์ได้รับเงินตามโครงการฯ และดําเนินการเบิกจ่ายโดยวิธีการเบิกจ่าย แทนกัน โดยระยะเวลาการตรวจสอบข้อมูล เบิกจ่าย และจ่ายเงินตามโครงการฯ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม - 31 ธันวาคม  /2563 

 

โดย การลงทะเบียนเราเที่ยวด้วยกัน ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2563 จะเปิดให้ ผู้ประกอบการโรงแรม (รวมโฮมสเตย์) ที่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจที่ถูกต้องตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ทั้งนี้ ราคาค่าห้องพักโรงแรมที่กําหนดต้องไม่สูงกว่าราคาที่เสนอขายผ่านผู้ให้บริการจองที่พักออนไลน์ (OTA) ในเวลาเดียวกัน และตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2563 เป็นต้นไป จะเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ที่ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com

 

นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมโครงการฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะสามารถ ติดตามและตรวจสอบจํานวนการใช้สิทธิ์สนับสนุนค่าโรงแรมที่พัก 5 ล้านคืน (room night) และค่าตัวเครื่องบิน 2 ล้านใบได้ที่เว็บไซต์ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com  ทั้งนี้ ผู้พัฒนาระบบได้นําบทเรียนที่เกิดขึ้นจากการดําเนิน มาตรการส่งเสริมการบริโภคในประเทศ “ชิมช้อปใช้” มาพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์แล้ว จึงคาดว่าจะมี ความเสี่ยงที่ระบบการลงทะเบียนจะล่มดังเช่นมาตรการ ชิม ช้อป ใช้ จึงมีน้อยกว่า

 

โดยผู้เข้าร่วมโครงการต้อง ติดตั้ง แอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” (เฉพาะกรณีที่ยังไม่เคยติดตั้งมาก่อน) ซึ่งได้กําหนดให้มีการยืนยันตัวตนผู้ใช้งาน

 

สำหรับขั้นตอนการ "จองโรงแรม" เมื่อผู้เข้าร่วมโครงการฯ ได้ลงทะเบียนและผ่านการยืนยันตัวตนแล้วจะสามารถจองโรงแรม (รวมถึงโฮมสเตย์) ผ่านช่องทางต่างๆ ได้แก่ 

1. โรงแรมโดยตรง ผ่านทั้งทางโทรศัพท์ โดยโรงแรมจะส่งรายละเอียดของผู้จองผ่านเว็บไซด์ที่จัดทําขึ้นโดย ธนาคารกรุงไทย สําหรับผู้ประกอบการที่ไม่มีเว็บไซต์การจองห้องพักเป็นของตนเองและไม่ได้เข้าร่วม OTA (Online Travel Agency:) และเว็บไซต์โรงแรม 
2. จองผ่านผู้ให้บริการด้านการจองที่พัก โรงแรม (Online Travel Agency: OTA) ที่ได้ทําข้อตกลงกับ ททท. ว่าจะไม่คิดค่าธรรมเนียมใดๆ เพิ่มเติม ทั้งนี้ จะมีระบบตรวจสอบจังหวัดที่ผู้เข้าร่วมโครงการฯ จองโรงแรมนั้น จะต้องตั้งอยู่ในพื้นที่ จังหวัดอื่นที่ไม่ใช่จังหวัดในทะเบียนบ้านโดยการเชื่อมต่อกับข้อมูลของกระทรวงมหาดไทย

 

สำหรับ "การชําระเงิน" ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ในอัตรา 50% ของราคา ที่โรงแรมเสนอขาย โดยผู้เข้าร่วมโครงการฯ จะต้องรอการยืนยันการจองที่พักและสิทธิ์เข้าร่วมโครงการฯ ก่อนจึงจะสามารถชําระค่าห้องพักในสัดส่วน 50% ดังกล่าวได้ ซึ่งจะมีการแจ้งเตือน เพื่อยืนยัน การจองที่พักผ่าน “Notification” ในแอปพลิเคชันเป๋าตังให้ผู้เข้าร่วมโครงการฯ สามารถชําระค่าที่พัก ในรูปแบบต่างๆ ได้หลากหลาย อาทิ บัตรเครดิตหรือการโอนเงิน หรือช่องทาง E-payment อื่น ๆ ตามที่ โรงแรม/ที่พักจัดเตรียมไว้ (Payment Gateway) 

 

ทั้งนี้ ต้องชําระค่าโรงแรมภายใน 24 ชั่วโมงนับจาก การจองห้องพักในขั้นตอนที่ 2 และเมื่อชําระเงินแล้วจะไม่สามารถขอคืนเงินได้ (non-refundable)

 

ส่วน "การรับค่าสนับสนุนการเดินทาง" (ค่าอาหารและค่าเข้าสถานที่ ท่องเที่ยวที่เข้าร่วมโครงการฯ ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่จังหวัดอื่นที่ไม่ใช่จังหวัดในทะเบียนบ้าน) เมื่อผู้เข้าร่วม โครงการฯ Check-in จะได้รับเงินสนับสนุนการเดินทางในอัตรา 40% ของค่าใช้จ่ายดังกล่าวแต่ ไม่เกินวันละ 500 บาท ตามจํานวนคืนที่เข้าพักจริงผ่านแอปพลิเคชั่นเป๋าตัง ซึ่งรัฐจะจ่ายเงินสนับสนุนการ เดินทางเป็นรายวันและสามารถสะสมจํานวนเงินได้ตามจํานวนวันที่เข้าพักจริงได้จนถึงวันที่ Check-out และจะสามารถใช้สิทธิ์ดังกล่าวได้ภายในเวลา 23.59 น. ของวันที่ Check-out เท่านั้น 

 

ทั้งนี้ รัฐจะจ่ายเงินสนับสนุนให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจที่เข้าร่วมโครงการฯ โดยโรงแรมจะได้รับเงินสนับสนุนในอัตรา 40% แต่ไม่เกิน 3,000 บาท/ห้อง/คืน ภายหลังจากที่ผู้จองที่พัก Check-Out แล้ว และสําหรับ ร้านอาหารและสถานที่ท่องเที่ยว รัฐจะจ่ายเงินสนับสนุนให้เป็นรายวัน

 

สําหรับผู้จองที่พักที่เดินทางโดยเครื่องบินจะต้องดําเนินการจองและชําระค่าบัตรโดยสารในเส้นทางบินในประเทศเต็มจํานวน โดยผู้จองที่พักมีสิทธิ์ได้รับเงินสนับสนุน ค่าบัตรโดยสารในลักษณะการจ่ายเงินคืน (Redeem) ผ่านแอปพลิเคชั่นเป๋าตัง 40%  แต่ไม่เกิน 1,000 บาท/บัตรโดยสาร 1 ที่นั่ง และการจองห้องพัก 1 ห้อง จะได้รับสิทธิ์บัตรโดยสารจํานวนไม่เกิน 2 ใบ 

ทั้งนี้ เมื่อการเดินทางเสร็จสิ้น ผู้ใช้สิทธิ์ต้องดําเนินการขอรับเงินสนับสนุนค่าบัตรโดยสารที่ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com ตามขั้นตอนที่กําหนดไว้ 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ส่วน โครงการ "กําลังใจ" ระยะเวลา 4 เดือน กรกฎาคม-ตุลาคม 2563 ปีงบประมาณ 2563 และ 2564 โดยวงเงินงบประมาณ รวม 2,4000 ล้านบาท ซึ่งใช้เป็นเงินอุดหนุน ค่าแพ็คเกจทัวร์ 2,000 บาท/คน ให้กับ ให้เจ้าหน้าที่ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล ส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) จำนวน 1.2 ล้านคน 

 

"ผลที่คาดว่าจะได้รับ สร้างรายได้แก่ภาคธุรกิจท่องเที่ยว ทางตรง 2,400 ล้านบาท มีคนเดินทางข้ามจังหวัด จํานวน 1.2 ล้านคน ก่อให้เกิดรายได้หมุนเวียน ในระบบเศรษฐกิจทางอ้อมประมาณ 6,500  ล้านบาท ซึ่งจะกระจายสู่ผู้ประกอบการในภาคการท่องเที่ยว ได้แก่ บริษัทนําเที่ยว ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจร้านอาหาร และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง"