นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า คณะกรรมการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย หรือ “ธพว.” (SME D Bank) หรือบอร์ด ธพว. ได้มีมติอนุมัติผ่อนปรนเงื่อนไขการลดเงินต้น และดอกเบี้ยให้กับลูกค้าของธนาคารเพิ่มมากขึ้นอย่างน้อย 2 ปี จากเดิมที่ตามหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะอยู่ที่ 6 เดือน
นอกจากนั้น เรื่องของสัญญาที่ลูกค้าทำข้อตกลงไว้กับธนาคารก็จะมีการยืดระยะเวลาออกไปให้นานขึ้น 5-10 ปี จากเดิมซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประมาณ 5 ปี เพื่อลดภาระในการผ่อนชำระให้กับ "เอสเอ็มอี" (SMEs) โดยทั้ง 2 มาตรการดังกล่าวนี้ลูกค้าของ ธพว. จะต้องยื่นเจตจำนงที่จะเข้าร่วมโครงการด้วยตนเอง ไม่ใช่เป็นการดำเนินการให้โดยอัตโนมัติจาก ธพว.
"การพักชำระหนี้เงินต้นและขยายการคืนเงินกู้ก็จะทำให้เอสเอ็มอีที่มีผลกระทบจากไวรัส โควิด-19 (Covid-19) สามารถประคองตัวเองอยู่ได้ก่อนเบื้องต้น จากนั้นก็จะมีการเติมเงินอัดฉีดเสริมสภาพคล่องที่ ธพว.มีโครงการต่างๆออกมา"
ทั้งนี้ หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือเอ็นพีแอล (NPL) มีการปรับตัวลดลงมาอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 5.22% เพราะฉะนั้นจึงมองว่าการปรับหลักเกณฑ์ดังกล่าวนี้จึงไม่น่าห่วงเท่าใดนัก โดยตนได้เน้นย้ำเสมอว่า ธพว. จะแตกต่างจาก ธนาคารพาณิชย์ ทั่วไป เพราะ ธพว. เมื่อปล่อยสินเชื่อไปแล้ว สามารถทำให้บริษัทดังกล่าวนั้นดำเนินธุรกิจต่อไปได้ และมีผลกำไร รัฐเองก็จะมีภาษีเงินได้เข้ามา แม้ว่าจะเกิด NPL บ้างแต่ก็จะทำให้เกิดการจ้างงาน ซึ่งเปรียบเสมือนกระเป๋าซ้าย-ขวา
นางสาวนารถนารี รัฐปัตย์ กรรมการผู้จัดการ ธพว. กล่าวว่า สำหรับการยืดระยะเวลาผ่อนชำระหนี้ออกไปเป็น 10 ปีนั้น โดยหลักจะมุ่งเน้นที่ลูกค้าเก่าของธนาคาร ส่วนรายใหม่ก็จะต้องตั้งต้นใหม่ทำสัญญา แล้วแต่ว่าจะสัญญากี่ปีไม่ว่าจะเป็น 5 หรือ 7 ปี เป็นต้น ซึ่งในส่วนของรายใหม่เองเวลาที่ได้รับการอนุมัติสินเชื่อ ในช่วง 1 ปีแรก ก็จะจ่ายชำระแค่ดอกเบี้ย ซึ่งทำให้ไม่มีภาระที่หนักมากอยู่แล้ว
“ขณะนี้ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ ธพว.ฝ่ายสินเชื่อเร่งพบและหารือกับผู้ประกอบการเพื่อที่จะสอบถามถึงความเดือดร้อนโดยเฉพาะลูกหนี้เดิมเองก็จะต้องมาปรับโครงสร้างหนี้ด้วย โดยจะพยายามให้ความช่วยเหลือให้ถึงเอสเอ็มอีให้มากสุด”