โออิชิ กรุ๊ป อัดมาตรการเข้ม พร้อมเปิด 269 สาขา

01 มิ.ย. 2563 | 05:11 น.

โออิชิ กรุ๊ป รีเทิร์นเปิดให้บริการ 269 สาขา ชูมาตรการเข้ม รับ New Normal

หลังจากปิดให้บริการตามคำสั่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 เพื่อลดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19  วันนี้ร้านอาหารในเครือโออิชิ ไม่ว่าจะเป็น โออิชิ แกรนด์, โออิชิ อีทเทอเรียม, โออิชิ บุฟเฟต์, นิกุยะ, ชาบูชิ, โฮว ยู, โออิชิ ราเมน, คาคาชิ และโอโยกิ  พร้อมกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง ด้วยมาตรการเข้มข้น เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการ

 

นางนงนุช บูรณะเศรษฐกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า โออิชิ กรุ๊ป พร้อมกลับมาเปิดให้บริการร้านอาหารในเครือโออิชิอย่างเต็มรูปแบบทั้ง 269 สาขา ได้แก่  โออิชิ แกรนด์, โออิชิ อีทเทอเรียม, โออิชิ บุฟเฟต์, นิกุยะ, ชาบูชิ, โฮว ยู, โออิชิ ราเมน, คาคาชิ และโอโยกิ พร้อมมาตรการด้านความปลอดภัยสูงสุด ตามแนวทางการปฏิบัติของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด

โออิชิ กรุ๊ป อัดมาตรการเข้ม พร้อมเปิด 269 สาขา

โดยมาตรการต่างๆ ประกอบไปด้วย 1. การคัดกรองสุขภาพของพนักงาน จากนโยบายให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยของพนักงานในเครือบริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) โดยการจัดตั้ง “คลินิกตรวจวิเคราะห์ทางการแพทย์” ซึ่งเป็นห้องปฏิบัติการที่ได้ผ่านการทดสอบความชำนาญทางห้องปฏิบัติการจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข

นงนุช บูรณะเศรษฐกุล

2. การปรับรูปแบบให้บริการ โดยในกลุ่มร้านที่เป็นบุฟเฟต์ เปลี่ยนเป็นการปรุงอาหารตามที่ลูกค้าสั่งและให้พนักงานเสิร์ฟ 

 

3. การรักษาความสะอาดภายในร้าน เข้มงวดด้านความสะอาดของภาชนะและอุปกรณ์รับประทานอาหาร ไม่วางไว้ส่วนกลาง แต่ส่งหรือเสิร์ฟให้ลูกค้าโดยตรง ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อด้วยความร้อน แล้วบรรจุในถุงพลาสติกอย่างดี เสิร์ฟให้ลูกค้าเป็นชุดๆ แทนการไปหยิบใช้เอง รวมทั้งเปลี่ยนอุปกรณ์ส่วนกลางที่ให้บริการบริเวณเคาน์เตอร์ทุก 1 ชั่วโมง

 

4. การลดการสัมผัสในการสั่งอาหาร ลดการสัมผัสตอบรับการใช้ชีวิตวิถีใหม่ ‘New Normal’ โดยพัฒนา “ระบบสั่งอาหารไร้สัมผัส” (QR Oder) เป็นระบบการสั่งอาหารผ่านการสแกน QR Code โดยใช้โทรศัพท์ลูกค้าเพื่อแสดงสมาร์ทเมนู ระบบนี้เริ่มใช้แล้วที่ ร้านโออิชิ แกรนด์, โออิชิ บุฟเฟต์, โออิชิ อีทเทอเรียม, ชาบูชิ และกำลังทยอยใช้ในร้านอื่นๆ ต่อไป

โออิชิ กรุ๊ป อัดมาตรการเข้ม พร้อมเปิด 269 สาขา

5. การบริการส่งอาหาร (Delivery) พนักงานส่งอาหารต้องใส่หน้ากากตลอดเวลาขณะปฏิบัติงาน รักษาระยะห่างกับลูกค้าไม่น้อยกว่า 1 เมตร  ล้างมือก่อนออกไปส่งสินค้า และทำความสะอาดมือด้วยแอลกอฮอล์ 70% ระหว่างปฏิบัติงานอยู่เสมอ พร้อมทั้งใช้อุปกรณ์ฆ่าเชื้อฉีดทำความสะอาดกล่องที่ใช้ส่งอาหาร แฮนด์รถจักรยานยนต์ หมวกกันน็อค และกุญแจรถ ทุกครั้งหลังจากการใช้งานเสร็จในแต่ละรอบการจัดส่ง

 

ด้านความปลอดภัยของลูกค้า เราให้การต้อนรับลูกค้าด้วยความใส่ใจและปฏิบัติตามแนวทางของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) และกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ได้แก่ 1. มาตรการ Social Distancing การจัดโต๊ะที่นั่งภายในร้านเว้นระยะห่างอย่างน้อย 1-1.5 เมตร และติดตั้งฉากกั้นใสบริเวณโต๊ะที่ลูกค้านั่งรับประทานอาหารรวมถึงบริเวณเคาน์เตอร์แคชเชียร์ ส่วนบริเวณหน้าร้านสำหรับลูกค้ารอคิว ก็มีการจัดระยะห่าง 1 เมตรเช่นเดียวกันพร้อมทำสัญลักษณ์ที่ชัดเจน

โออิชิ กรุ๊ป อัดมาตรการเข้ม พร้อมเปิด 269 สาขา

2. การคัดกรองก่อนเข้าร้าน เรามีเจ้าหน้าที่คอยตรวจวัดอุณหภูมิลูกค้า พร้อมบริการแอลกอฮอล์ 70%ให้กับลูกค้าทำความสะอาดมือก่อนเข้าร้าน และขอความร่วมมือให้ลูกค้าใส่หน้ากากอนามัยเมื่อเข้ารับบริการที่ร้าน พร้อมให้ลูกค้าลงสแกน QR code “ไทยชนะ” ตามที่ทาง ศบค.ขอความร่วมมือ

3. การทำความสะอาดมือก่อนทานอาหาร โดยทางร้านมีการจัดวางแอลกอฮอล์ 70% ไว้ภายในร้านให้ลูกค้าทำความสะอาดมือก่อนรับประทานอาหาร

 

โออิชิ กรุ๊ป อัดมาตรการเข้ม พร้อมเปิด 269 สาขา

4. การชำระเงินแบบไร้สัมผัส (Contactless Payment) โดยชำระผ่านคิวอาร์โค้ด เป็นการลดการสัมผัสและอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้า

 

5. การจองโต๊ะล่วงหน้าผ่าน BevFood Application ลูกค้าสามารถเลือกแบรนด์ เลือกสาขา ระบุวันที่ เวลา และจำนวนที่จองโต๊ะผ่าน Application จากนั้นเจ้าหน้าที่จะส่งข้อความติดต่อกลับเพื่อยืนยันสถานะการจอง เพื่อที่ลูกค้าไม่ต้องมายืนรอคิวที่หน้าร้าน เป็นบริการที่ลูกค้าเริ่มหันมาใช้กันมากขึ้นในช่วง New Normal

โออิชิ กรุ๊ป อัดมาตรการเข้ม พร้อมเปิด 269 สาขา

“การปรับยุทธวิธีให้สอดคล้องกับสถานการณ์เฉพาะหน้าและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รวมถึงการนำเทคโนโลยี-ดิจิทัลมาปรับใช้อย่างเหมาะสม และที่สำคัญที่สุดคือต้องลงมือทำอย่างจริงจังและเร็วที่สุด เป็นกลยุทธ์หลักที่จะช่วยให้เรารับมือกับสถานการณ์   โควิด-19 และสร้างความแข็งแกร่งให้เราก้าวต่อไปอย่างยั่งยืน”