วันที่ 29พ.ค.63 เวลา 12.00 น. พลเอก สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) แถลงภายหลังการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. ที่มีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานในการประชุม โดยที่ประชุมมีมติในส่วนมาตรการบังคับได้แก่ ให้ลดเวลาการห้ามออกนอกเคหะสถานจากเวลาเดิม 23.00 -04.00 น. เป็น 23.00-03.00 น. เริ่ม 1 มิ.ย.63 เป็นต้นไป แต่ยังคงควบคุมการเดินทางเข้าราชอาณาจักรทุกช่องทาง เพื่อป้องกันนำเชื้อโรคมาจากต่างประเทศ ส่วนการเดินทางข้ามจังหวัด 1มิ.ย.เปิดให้เดินทางได้ แต่ไม่เสรีมาก แต่มีความจำเป็นต้องผ่อนคลายมากขึ้นในการดำเนินชีวิตและกระตุ้นเศรษฐกิจ และห้างสรรพสินค้า ขยายเวลาเปิดจาก 20.00 น. เป็น 21.00น.
เลขาสมช.ระบุด้วยว่า นอกจากนี้ มีการผ่อนคลายหลายกิจกรรม อาทิ ในส่วนอาคารสถานที่ เปิดให้สถาบันการศึกษาเพื่อใช้การคัดเลือก สอบคัดเลือก อบรมระยะสั้น ยังไม่เปิดให้มีการเรียนการสอน ส่วนโรงเรียนนอกระบบ โรงเรียนเอกชน วิชาชีพ ศิลปะการกีฬา ก็เปิดเช่นกัน
จากนั้นเลขา สมช. ย้ำถึงการเปิดสถานที่ กิจกรรม/กิจการเพิ่มเติม ว่า จะขยายเวลาเปิดห้างเป็น 21.00น. เปิดศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์ประชุมไม่เกิน 2 หมื่นตารางกิโลเมตร เปิดสนามพระเครื่องศูนย์พระเครื่อง
ร้านเสริมสวย ร้านตัดผม เปิดให้ทำสีผมได้ ใช้เวลาในการทำกิจกรรมไม่เกิน 2 ชั่วโมง ห้ามนั่งรอในร้าน
ส่วนศูนย์พัฒนาเด็กเล็กให้เจ้าหน้าที่เข้ามาประกอบอาหาร โดยให้ผู้ปกครองมารับอาหาร
คลีนิคเสริมความงาม ยังคงยกเว้นในส่วนของใบหน้า และสถานบริการ นวดสุขภาพ สปา นวดฝ่าเท้า ให้เปิดได้ใช้เวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมง ยกเว้นอบไอน้ำ อาบอบนวดยังไม่เปิด
สำหรับซ้อมกีฬา เปิดให้ซ้อมได้ตามสากล โบว์ลิ่ง สเก็ต โรลเลอร์เบรด เปิดได้แต่จำกัดเวลา รวมทั้งสถาบันสอนลีลาศ สระน้ำ/กิจกรรมในบึง เปิดได้แต่ต้องจำกัด สวนสัตว์ เปิดตามปกติได้
นอกจากนี้โรงภาพยนต์ โรงละคร เปิดได้ แต่จำกัดไม่เกิน 200 คน เว้นระยะห่าง ให้นั่งคู่กันได้แต่ต้องใส่หน้ากาก
“มีความเสี่ยงแพร่เชื้อโรคค่อนข้างสูง แต่การเปิดการผ่อนคลาย สิ่งที่ต้องทำคือสวมหน้ากาก รักษาระยะห่าง การล้างมือยังปฏิบัติตามปกติ” เลขาสมช. กล่าว
ทั้งนี้ เนื้อหาในรายละเอียดทั้งหมด ฐานเศรษฐกิจจะรายงานให้ทราบอีกครั้ง