ทอท.เพิ่มมาตรการเยียวยาสายการบิน-สัมปทานในสนามบิน

23 เม.ย. 2563 | 02:59 น.

ทอท.ไฟเขียว 5 มาตรการช่วย ช่วยเหลือผู้ประกอบการและสายการบินที่ด้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ลดค่าเช่าพื้นที่ ค่าจอด ค่าแลนด์ดิ้งให้สายการบิน 50% เป็นเวลา 9 เดือนถึงสิ้นปีนี้ พร้อมเพิ่มมาตรการอุ้มธุรกิจสัมปทาน ลดผลประโยชน์ตอบแทนคงที่และอัตราค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำ

ล่าสุดในการประชุมบอร์ดทอท.เมื่อวันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา คณะกรรมการบริษัท ท่าอากาศยานไทยจำกัด(มหาชน) หรือ ทอท. มีมติมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการและสายการบินที่ด้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ณ ท่าอากาศยานที่อยู่ในความรับผิดชอบดำเนินงานของ ทอท. เพื่อบรรเทาผลกระทบของผู้ประกอบการและสายการบินจากการลดลงของเที่ยวบินและผู้โดยสาร และสอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐ โดยมีรายละเอียด ดังนี้

1. มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการและสายการบินเกี่ยวกับค่าเช่าพื้นที่ ค่าบริการการใช้บริการในอาคาร และค่าผลประโยชน์ตอบแทนคงที่รายเดือน ได้แก่ กรณีผู้ประกอบการและสายการบินมีหนังสือขอยกเลิกการประกอบกิจการชั่วคราวหรือท่าอากาศยานของทอท. ปิดให้บริการชั่วคราว ทอท. จะยกเว้นการเรียกเก็บค่าเช่าพื้นที่ ค่าบริการการใช้บริการในอาคาร และค่าผลประโยชน์ตอบแทนคงที่รายเดือนให้กับผู้ประกอบการและสายการบิน มีกำหนดระยะเวลา 9 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน - 31 ธันวาคม 2563 หรือวันที่ผู้ประกอบการและสายการบินแจ้งขอกลับเข้ามาประกอบกิจการ แล้วแต่วันใดจะถึงก่อน

ส่วนกรณีผู้ประกอบการและสายการบินที่ยังประกอบกิจการ ณ ท่าอากาศยานในความรับผิดชอบดำเนินงานของ ทอท. จะมีการปรับลดค่าเช่าพื้นที่ในอัตราร้อยละ 50 ให้แก่ผู้เช่าทุกราย มีกำหนดระยะเวลา 9 เดือนตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน - 31 ธันวาคม 2563  เรียกเก็บค่าบริการการใช้บริการในอาคาร ในอัตราร้อยละ 15 ของค่าเช่าพื้นที่ที่ปรับลดลงร้อยละ 50  โดยใช้อัตราค่าเช่าพื้นที่และค่าบริการการใช้บริการในอาคารตามบัญชีอัตราค่าภาระการใช้ท่าอากาศยาน ทรัพย์สิน บริการและความสะดวกต่างๆ ในกิจการของ ทอท. ฉบับปี 2559 สำหรับการคิดส่วนลด

2. มาตรการช่วยเหลือสายการบินในการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมตามกฎหมายว่าด้วยการเดินอากาศ ในกรณีสายการบินขอหยุดให้บริการชั่วคราวหรือท่าอากาศยานที่อยู่ในความรับผิดชอบของทอท. ปิดให้บริการชั่วคราว ทอท. จะยกเว้นค่าบริการที่เก็บอากาศยาน (Parking Charges) มีกำหนดระยะเวลา 9 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน - 31 ธันวาคม 2563 โดยมีเงื่อนไขว่า จะต้องได้รับอนุมัติการยกเว้นการเรียกเก็บอัตราดังกล่าวจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

การให้ส่วนลดค่าบริการในการขึ้นลงของอากาศยาน (Landing Charges)ในอัตราร้อยละ 50 และค่าบริการที่เก็บอากาศยาน (Parking Charges) สำหรับสายการบินที่ยังคงมีเส้นทางบิน ในอัตราร้อยละ 50สำหรับทุกเส้นทางการบินทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ เป็นระยะเวลา 9 เดือน ระหว่างวันที่ 1 เมษายน -31 ธันวาคม 2563

ทอท.เพิ่มมาตรการเยียวยาสายการบิน-สัมปทานในสนามบิน
สำหรับกรณีเที่ยวบินเช่าเหมาลำ (Charter Flight) ให้มีสิทธิเข้าร่วมมาตรการช่วยเหลือดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2563 เป็นตันไป ส่วนสายการบินที่เข้าร่วมโครงการส่งเสริมการตลาดด้านการบิน (incentive Scheme) หรือมาตรการช่วยเหลือของ ทอท. จะได้รับประโยชน์ในรายการสนับสนุนประเภทเดียวกันได้เพียงรายการเดียวที่สายการบินได้รับประโยชน์สูงสุด

3. ให้สิทธิ์เลื่อนการชำระค่าเช่าพื้นที่ ค่าบริการการใช้บริการในอาคาร ค่าบริการสนามบิน(Landing and Parking Charges) และค่าเครื่องอำนวยความสะดวก (Aircraft Service Charges) ให้กับผู้ประกอบการและสายการบินที่ร้องขอ จำนวน 9 งวด ตั้งแต่งวดเดือนเมษายน-ธันวาคม 2563 โดยในแต่ละงวดให้ขยายระยะเวลาการชำระออกไปเป็นระยะเวลา 6 เดือนจากวันครบกำหนดชำระตามระยะเวลาปกติ ทั้งนี้เฉพาะในกรณีที่ผู้ประกอบการและสายการบินร้องขอ

4. ขยายระยะเวลาการชำระค่าผลประโยชน์ตอบแทนในการประกอบกิจการของผู้ประกอบการ ตามมติคณะกรรมการ ทอท. ครั้งที่ 3/2563 เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2563 จากเดิมจำนวน 6 งวด (กุมภาพันธ์ -กรกฎาคม 2563) เป็น 11 งวด (กุมภาพันธ์ -ธันวาคม 2563) โดยให้ขยายระยะเวลาการชำระของแต่ละงวดออกไปเป็นระยะเวลา 6 เดือนจากวันครบกำหนดชำระตามระยะเวลาปกติ ทั้งนี้ เฉพาะในกรณีที่ผู้ประกอบการและสายการบินร้องขอ

ทอท.เพิ่มมาตรการเยียวยาสายการบิน-สัมปทานในสนามบิน

5. ปรับอัตราค่าผลประโยชน์ตอบแทนคงที่และอัตราค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำจากการประกอบกิจกรรมเชิงพาณิชย์ ณ ท่าอากาศยานที่อยู่ในความรับผิดชอบของ ทอท. ภายหลังสิ้นสุดมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการตามมติคณะกรรมการ ทอท. ครั้งที่ 3/2563 เมื่อวันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ 2563(วันที่ 31 มีนาคม 2565) ดังนี้

5.1สำหรับผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการเป็นลายลักษณ์อักษรจาก ทอท.หรือที่มีการลงนามในสัญญาและเข้าพื้นที่ประกอบกิจการก่อนหรือภายในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2563 หรือผู้ประกอบการรายเดิมที่มีการต่อสัญญากับ ทอท. ในระหว่างที่มาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการฯ มีผลอยู่ให้นำอัตราค่าผลประโยชน์ตอบแทนคงที่ และ/หรืออัตราค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำของปีก่อนหน้ามีมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการฯ (ปี 2562) มาใช้กำหนดเป็นอัตราค่าผลประโยชน์ตอบแทนคงที่ และ/หรืออัตราค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำ

5.2 ผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการเป็นลายลักษณ์อักษรจาก ทอท.หรือที่มีการลงนามในสัญญาแล้ว แต่ยังไม่เข้าพื้นที่ประกอบกิจการก่อนหรือภายในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2563ให้นำอัตราค่าผลประโยชน์ตอบแทนคงที่ และ/หรืออัตราค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำที่ผู้ประกอบการยื่นข้อเสนอในการประมูลหรือการเจรจาตกลงค่าตอบแทน มาใช้กำหนดเป็นอัตราค่าผลประโยชน์ตอบแทนคงที่ และ/หรืออัตราค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำ

อย่างไรก็ตามในการเรียกเก็บค่าตอบแทนจากผู้ประกอบการตามข้อ 5.1 และ 5.2 สำหรับปีถัดจากปีแรกของรอบสัญญาหลังจากสิ้นสุดมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการฯ ให้ฝ่ายบริหาร ทอท. พิจารณาเปรียบเทียบจำนวนผู้โดยสาร ณ ปีนั้นกับปีก่อนที่จะเกิดวิกฤตการณ์โควิด-19 (ปี 2562) หากน้อยกว่า ให้ใช้อัตราค่าผลประโยชน์ตอบแทนคงที่ และ/หรือค่าผลประโยชน์ตอบแทนชั้นต่ำของปีก่อนที่จะเกิดวิกฤตกรณีโควิด-19(ปี 2562) ของแต่และท่าอากาศยานมาใช้กำหนดเป็นอัตราเรียกเก็บ

แต่หากปรากฎว่า จำนวนผู้โดยสาร ณ ปีนั้น มากกว่าก่อนที่จะเกิดวิกฤตการณ์โควิด-19 (ปี 2562) ให้ใช้อัตราการเติบโตจากจำนวนผู้โดยสาร ณ ปีนั้น เพื่อเป็นฐานในการคำนวณค่า MAG เป็นต้นไป

  6. มาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการและสายการบินตามข้อ 1-5 ใช้กับผู้ประกอบการและสายการบินเฉพาะที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิค-19 และมีนิติสัมพันธ์กับ ทอท. อยู่ก่อนแล้ว ในวันที่คณะกรรมการ ทอท มีมติ (วันที่ 22 เมษายน 2563)

7. ทอท. สงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือยกเลิกเงื่อนไขการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการและสายการบินตามข้อ 1 - 5 ให้เหมาะสมกับสถานการณ์และผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

โดยทอท.ได้คาดการณ์ว่าในปีงบประมาณ 2563 (เดือนตุลาคม 2562 - กันยายน 2563) จากผลกระทบการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 คาดว่าจะมีเที่ยวบินประมาณ 493,800 เที่ยวบิน และมีผู้โดยสารประมาณ 66.58 ล้านคน มีการเติบโตที่ลดลงร้อยละ 44.9 และ 53.1 ตามลำดับ

อย่างไรก็ตามจากมาตรการดังกล่าวของทอท.นอกจากจะเป็นการช่วยเหลือธุรกิจการบินในระดับหนึ่งแล้ว การ มาตรการปรับอัตราค่าผลประโยชน์ตอบแทนคงที่และอัตราค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำจากการประกอบกิจกรรมเชิงพาณิชย์ ณ ท่าอากาศยานที่อยู่ในความรับผิดชอบของ ทอท. ก็ยังเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการพื้นที่เชิงพาณิชย์ในสนามบิน ซึ่งมีผู้ประกอบการหลักคือกลุ่มคิงเพาเวอร์ รวมถึงผู้ประกอบการรายอื่นๆที่ให้บริการเชิงพาณิชย์ในสนามบิน เพื่อลดผลกระทบจากโควิด-19 และพอมีกำลังจะจ่ายค่าผลประโยชน์ตอบแทนให้ทอท.ได้จริง สอดคล้องกับสถานการณ์โควิดที่เกิดขึ้น